4.6 ตร.กม.เป็นของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน คนไทย จำเอาไว้ !!

on วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

4.6 ตร.กม.เป็นของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน คนไทย จำเอาไว้ !!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กันยายน 2552 08:05 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สภาพพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งชาวกัมพูชาเข้ามายึดครอง

"ผ่าประเด็นร้อน"
       
       เชื่อว่าคนไทยหลายคนมีความห่วงใยเหตุการณ์ในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นหรือไม่ เพราะมีการชุมนุมใหญ่พร้อมกันสองเหตุการณ์คือการชุมนุมของ "คนเสื้อแดง" ในสังกัดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศ กับอีกเหตุการณ์หนึ่งมีการชุมนุมที่จังหวัดศรีสะเกษเพื่อทวงคืนพื้นที่ของไทยจำนวน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารกลับคืนมา
       
       โดยกลุ่มหลังคือกลุ่มคนไทยทั่วประเทศที่หวงแหนแผ่นดิน และอธิปไตยของชาติ ซึ่งการชุมนุมของทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
       
       เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์และอำนาจของคนเพียงคนเดียวคือ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนกลุ่มหลังสู้เพื่อส่วนรวม เพื่อดินแดนและอธิปไตยของคนไทยทั้งชาติ
       
       อย่างไรก็ตามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในที่นี้แม้ว่าในเบื้องต้นรู้สึกหดหู่ที่เห็นคนไทยทำร้ายกันเอง แต่ก็ต้องมีข้อสังเกตว่าการชุมนุมที่จังหวัดศรีสะเกษดังกล่าวจะไม่เกิดความรุนแรง หากไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งฝ่ายปกครองและทหารบางคนและนักการเมืองบางกลุ่มเข้าไปปลุกระดมจัดตั้งมวลชนขึ้นมาต่อต้านกลุ่มคนไทยที่ขึ้นไปทวงคืนพื้นที่อธิปไตย 4.6 ตารางกิโลเมตรกลับคืนมาเป็นของราชอาณาจักรไทยทั้งหมด
       
       เพราะหากคนศรีสะเกษกลุ่มนี้มีความรักชาติ รักแผ่นดินเกิดจะต้องให้ความสนับสนุนและช่วยอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ นอกเสียจากถูกปลุกระดมหรือได้รับข้อมูลมาอย่างผิดๆ ขณะที่ข้าราชการและนักการเมืองต้องมีวาระซ่อนเร้นต้องการปิดบังความจริงไม่ให้ถูกเปิดเผยออกมาให้สังคมได้รับรู้
       
       ทั้งที่กลุ่มคนไทยจากทั่วประเทศที่ขึ้นไปทวงคืนพื้นที่ ต้องเสียสละแรงกาย กำลังทรัพย์ รวมไปถึงต้องเสี่ยงชีวิตทุกเวลา แต่ก็ยังยินดีที่พร้อมจะเสียสละ แต่ที่น่าเศร้าก็คือความตั้งใจและความปรารถนาดีเหล่ากลับถูกแปรเจตนาเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะจากสื่อที่มีอคติและมองสถานการณ์อย่างฉาบฉวย กล่าวหาว่าไปสร้างความวุ่นวาย ทำให้เสียบรรยากาศ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสียอีก
       
       ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเวลานี้ ทางฝ่ายกัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ เป็นเจ้าของโดยพฤตินัยในลักษณะครอบครองปรปักษ์ เข้ามาตั้งชุมชน สร้างวัด สร้างถนนเข้ามาเตรียมปักหลักอย่างถาวร โดยที่ทางฝ่ายทหารหรือรัฐบาลไม่ยอมผลักดันออกไป
       
       อย่างไรก็ตามเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนก็ต้องย้ำในที่นี้กันอีกครั้งว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเนื้อที่ประมาณ 3 พันไร่รอบปราสาทพระวิหาร เป็นของไทยอย่างสมบูรณ์ ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสที่ยึดแนวสันปันน้ำ ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ย้ำว่าไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่อย่างใด อย่าไปหลงประเด็นเป็นอันขาด
       
       สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวมีการลงนามยอมรับจากผู้นำประเทศหรือประมุขด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว
       
       แต่ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้เขียนแผนที่ขึ้นมาใหม่โดยพลการและลากเส้นเขตแดนรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยทั้งบนบกและในทะเล
       
       ที่สำคัญก็คือหากพิจารณาเฉพาะประเด็นปราสาทพระวิหาร ศาลโลกก็ได้ตัดสินเมื่อปี พ.ศ.2505 ให้กัมพูชาครอบครองเฉพาะปราสาทเท่านั้น ส่วนพื้นที่โดยรอบก็เป็นของไทย โดยไม่ได้พิจารณาเรื่องแผนที่แต่อย่างใด ซึ่งรัฐบาลไทยในสมัยนั้นแม้จะยอมรับคำตัดสินของศาล แต่ไม่เห็นด้วยและขอสงวนสิทธิ์เอาไว้เรื่อยมา
       
       นี่คือความจริงที่ชัดเจนที่สุด แต่ที่ผ่านมาเป็นเพราะเราโชคร้ายมีรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ขายชาติ มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงวางเฉย หรือสมรู้ร่วมคิดปล่อยให้กัมพูชารุกคืบเข้ามายึดพื้นที่เรื่อยๆ
       
       โดยเฉพาะในยุครัฐบาล "นอมินี" สมัคร สุนทรเวช ที่มี นพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ไทย-กัมพูชายอมรับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเท่ากับเราไปยอมรับและยกเลิกสงวนสิทธิ์ในตัวปราสาทโดยปริยาย แม้ว่าต่อมารัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอ้างว่าได้ยกเลิกแถลงการณ์ดังกล่าวแล้วก็ตาม และใช้นโยบายเจรจาต่อไปเรื่อยๆ แต่การที่กัมพูชายังรุกล้ำดินแดนเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่โดยรอบอยู่แบบนี้ ยิ่งทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ และมีโอกาสสูงมากที่จะเสียดินแดน
       
       ทั้งที่หากกล่าวเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ของไทยโดยสมบูรณ์ และการที่รัฐบาล อภิสิทธิ์บอกว่าใช้กรอบในการเจรจาพื้นที่ดังกล่าวก็ยิ่งเป็นการยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่ที่มีปัญหายังหาข้อยุติไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้กัมพูชามีแต่ได้กับได้
       
       นอกเหนือจากนี้หากไทยต้องสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรก็จะส่งผลกระทบไปถึงพื้นที่ชายแดนในด้านตะวันออกตั้งแต่บนบกลากลงมาในทะเลอ่าวไทย เพราะนั่นหมายความว่าการทำแผนที่จะต้องลากแนวเขตแดนใหม่ ทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะสูญเสียพื้นที่เพิ่มเติม เช่น สุรินทร์ เกาะกูด ที่ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชาได้อ้างสิทธิ์เพิ่มเติมเข้ามาแล้ว
       
       ดังนั้น นาทีนี้สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก็คือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ของไทยเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน และรัฐบาลต้องผลักดันชาวกัมพูชาออกไปทันทีเท่านั้น คนไทยทั้งหลายอย่างหลงประเด็นเป็นอันขาด !!
 
เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลและพี่น้องไทยทุกๆท่านที่นับถือ.
 
       ต้องค้นหาประวิติศาสตน์มาอ่านครับ จะได้ทันกับเหตุการณ์ ไม่ใช่แบบคนใหญ่คนโต แต่ไม่ทราบว่า ศาลโลกเขาตัดสินอย่างไร? และประเทศไทยของเรายอมรับไหม? อาณาเขตของประเทศไทยเขายึดอะไร?เป็นแนวเขต.
 
       อยากมราบข้อมูลก็เข้าไปค้นหาได้จากกูเกิล พิมพ์เข้าไปเลยครับสิ่งที่เราอยากรู้แล้วคลิด เขาจะไปค้นหามาให้เราเลือกอ่านเอาเองครับ.
 
      ด้วยจิตรคารวะ.
 
ประชุม สุริยามาศ วย.๗๗๗
 
       


Hotmail: Powerful Free email with security by Microsoft. Get it now.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น