ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของต้นมะรุม
ใบสด
เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ควรรับประทานใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป การใช้ใบสดปรุงอาหารต่างๆ สามารถทำได้ตามความต้องการและความถนัด เนื่องจากใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง ฉะนั้นจึงไม่ควรให้ทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป
ใบมะรุมสดก็เหมือนผักใบเขียวทุกชนิด ไม่ควรรับประทานเป็นจำนวนมากเพราะจัดเป็นยาถ่ายประเภทหนึ่ง เมื่อเริ่มรับประทาน บางท่านอาจจะมีอาการท้องเสีย อาการต่างๆ มิได้เกิดขึ้นกับทุกคน เข้าใจว่าเป็นไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจมีอาการง่วงขนาดหนักจนขับรถแทบไม่ได้ บางคนมีผื่นลมพิษทันทีหลังรับประทาน
ซึ่งเรื่องนี้ได้ปรึกษากับท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ท่านได้ให้คำอธิบายว่าเป็นผลมาจากการที่ร่างกายได้สะสมสารพิษไว้เป็นจำนวนมาก หากเกิดอาการเช่นนี้ให้หยุดรับประทานชั่วคราวแล้วเริ่มใหม่ ทำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้งอาการจะดีขึ้นตามลำดับ จากผลการทดลองของเวิร์ดเชิสยังไม่พบผู้มีอาการแพ้เลย แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์พบว่า มีผู้ที่เกิดอาการแพ้ภายหลังรับประทานใบมะรุม โดยมีอาการวิงเวียนศรีษะ ในกรณีนี้ท่านแนะนำให้รับประทานใบแมงลัก อาการวิงเวียนศรีษะก็จะหายไป การรับประทานใบสด ไม่ควรถูกความร้อนนานเพราะจะทำให้สูญเสียสารอาหารหลายชนิด ใบสดใช้จิ้มน้ำพริก ใส่แกง ใส่สลัด และใส่แซนด์วิช
ใบสดเปล่า ๆ จะมีรสเผ็ด แต่เมื่อนำมารับประทานกับข้าว หรือแซนด์วิสจะไม่รู้สึกเผ็ดเลย ในระยะ จากหนังอ้างอิงของ ดร.ฟุคเล่ย กล่าวว่าถ้าคั้นใบมะรุมสดดื่มวันละ 1 ช้อนโต๊ะ จะสามารถรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ และควบคุมความดันโลหิตสูง
วัยรุ่นและผู้ใหญ่ รับประทานสด วันละ 1 -3 กิ่ง หรือใช้ประกอบอาหารก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลเร็วควรคั้นน้ำดื่มประมาณวันละ 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับผู้ใหญ่ และ 1 ช้อนชาสำหรับเด็กวัยรุ่น ถ้ามีอาการท้งอเสียให้ลดจำนวนลง แล้ว ค่อย ๆ เพิ่มอาการจะดีขึ้น การรับประทานสม่ำเสมอจะสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
วิธีทำใบมะรุมตากแห้ง
ง่าย ๆที่สามารถทำได้ในครัวเรือน ถ้าปลูกได้เอง ก่อนเก็บหนึ่งวันให้ฉีดน้ำล้างใบให้สะอาด จากนั้นจึงนำมาผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ใบแห้งสนิทจะสังเกตได้ง่าย ๆ คือ เวลาเอามือจับใบจะกรอบ แตกง่าย ถ้าตาก 2 - 3 วันแล้วยังไม่แห้ง ให้เปิดเตาอบ อุณหภูมิร้อนเท่าแสงแดด ใส่ใบมะรุมเข้าไปประมาณ 10 นาทีใบจะกรอบ รีบนำออกมาทันที ถ้าไม่เตาอบให้นำใบมะรุมใส่กระด้งที่สานถี่ ๆ ชนิดที่ใบไม่สามารถหลุดร่วงลงไปได้ เอาตะแกรงอีกใบปิดครอบเพื่อกันแสงแดดทะลุลงไป แล้วนำไปตากกลางแดดสัก 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าใบจะกรอบ
ใบแห้งจะขาดไวตามินซี ไวตามินบี คลอรีนและแร่ธาตุบางจำพวกที่สูยหายไปในระหว่างการทำให้แห้ง แต่คุณสมบัติอื่น ๆ ยังคงเดิม ถ้าจะเก็บไว้ดื่มเป็นน้ำชา ให้เก็บไว้ในขวดทึบที่แสงผ่านเข้าไปไม่ได้ ป้องกันการเสื่อมคุณภาพ
การทำมะรุมผง
ทำได้หลายวิธี
1. บดด้วยเครื่องบดกาแฟ
2. ใส่ครกตำให้ละเอียด
3. ถ้าไม่สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ให้เอาใบทะรุมแห้งใส่ตะแกรงถี่ ๆ แล้วใช้แปรงลวดปัดไปปัดมา จะได้ผงมะรุมแห้งเก็บใส่กระป๋องหรือขวดทึบแสง รอบรรจุแคปซูล มะรุมผงก็เช่นกัน ควรเก็บในขวดทึบแสง
ฝักมะรุม
นำไปปรุงอาหารได้หลายประเภท ทั้งแกงและผัด มะรุมที่ฝักอ่อนมาก ๆ ขณะที่เปลือกยังไม่แข็งจะมีรสชาติคล้ายถั่วฝักยาว นำมาประกอบอาหารได้เช่นเดี่ยวกับถั่วฝักยาว ฝักมะรุมกลางอ่อนกลางแก่ เวลานำมาปรุงอาหารเรามักจะปลอกเปลือกก่อน คุณสุภา บุบผาชื่น ค้นพบว่าถ้านำเอาเปลือกมะรุมมาต้มกับเม็ดเก๋ากี้และฮ่วยซัวจะช่วยให้น้ำแกงมีรสอร่อย มีคุณค่าทางอาหารดีเยี่ยมและได้ไวตามินครบถ้วน
เมล็ดแก่
เมล็ดมะรุมก็เช่นเดียวกับใบคือมีคุณค่ามหาศาล เพียงวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน จะช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็ไปอย่างสม่ำเสมอ เมื่อการขับถ่ายกลับเป็นปกติแล้ว ขอแนะนำว่าควรงดการรับประทาน เพราะเมล็ดมะรุมเป็นยาปฏิชีวนะอย่างอ่อน อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน จากการค้นพบว่าในการเดินทางไปในที่ ๆ ไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องความสะอาดของน้ำและอาหาร ให้เคี้ยวเมล็ดมะรุมควบไปด้วย จะช่วยป้องกันโรดท้องเดินได้
เมล็ดมะรุมจะมีรสขม แต่พอเคี้ยวไปสักพักจะเริ่มมีรสหวานขึ้นเรื่อย ๆ จนหวานจัด เมื่อดื่มน้ำ คอจะรู้สึกชุ่มชื่น หลังจากที่รับประทานครั้งแรก พบว่าอาการไอเรื้อรังหายไปทันที เมล็ดมะรุมเป็นยาปฎิชีวนะอย่างอ่อนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายประเภท
Link : ไปยังข้อมูลต่างๆ จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน ๒
มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร
คำนำ / บทสำนึกคุณ จากผู้เขียนหนังสือ
ข้อมูลคร่าวๆ จากแหล่งอ้างอิง
ประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง
มะรุมรักษาโรคเอดส์ (AIDS)
ตำราอาหารเกี่ยวกับมะรุมและธรรมชาติบำบัด
บทสำนึกคุณ
หนังสือเล่มนี้จะไม่สามารถเป็นรูปเล่มขึ้นมาได้เลย ถ้าปราศจากบุคคลผู้มีพระคุณดังต่อไปนี้
ท่านแรกคือ ผู้ที่ชี้แนะผู้เขียนให้รู้ถึงประโยชน์ในการใช้ใบมะรุมเป็นยา แต่น่าเสียดายที่ผู้เชียนไม่สามารถจดจำชื่อท่านผู้นั้นได้ และไม่ได้พบท่านอีกเลย หลังจากบริษัทย้ายสถานที่ทำการใหม่ ถ้าท่านบังเอิญได้อ่านหนังสือเล่มนี้ โปรดรับคำขอบคุณและรับทราบว่าผู้เขียนไม่เคยลืมบุญคุณนี้เลย
หลังจากได้รับการแนะนำ ผู้เขียนเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะรุมจากคอมพิวเตอร์และได้พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย จึงนำมาเรียบเรียงและแปลเป็นภาษาไทย เพื่อเผยแพร่ความรู้นี้ให้แก่เพื่อนฝูงและญาติมิตรไปพร้อมๆ กัน ผู้เขียนใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถพิมพ์ดีดภาษาไทยได้ จึงมีเพื่อนผู้มีพระคุณอีกท่านหนึ่งช่วยผลักดันผลงานการค้นคว้าของผู้เขียนออกสู่สายตาทุกๆ ท่านคือ คุณรัตตินันท์ อิงคเวศน์วานิช หนังสือเล่มนี้จึงเป็นผลงานอันเกิดจากความรักและปรารถนาดี ที่เพื่อนคนหนึ่งมอบให้เพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนคนอื่นๆ และผู้คนทั้งหลายในสังคมโลก
งานค้นคว้ามีมากมายหลากหลาย แต่ถึงกระนั้นก็ยากจะรู้ได้ลึกซึ้ง เพราะงานค้นคว้าของนักวิจัยส่วนใหญ่มักเป็นงานของแพทย์จากหลายๆ สาขา ภาษาที่ใช้จึงมักจะเป็น "ศัพท์เฉพาะทาง" ซึ่งผู้เขียนไม่มีความรู้ความชำนาญเลย จึงแปลยากด้วยเกรงว่าข้อมูลจะผิดพลาด ในระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนเริ่มหันมาสนใจ "วิชาธรรมชาติบำบัด" ของอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา โดยได้รับหนังสือ "นาฬิกาชีวิต" เล่มแรกจากคุณรัตตินันท์ เป็นของขวัญปีใหม่
นับจากนั้น ผู้เขียนจึงติดตามผลงานของท่านเรื่อยมา โดยได้รับการสนับสนุน และติดต่อผ่านท่านอาจารย์นวลฉวี ผู้กรุณาประสานงานให้ด้วยน้ำใจไมตรีอันอบอุ่นยิ่ง
เดือนมิถุนาย 2548 ผู้เขียนได้รับการติดต่อจากท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ ผ่านอาจารย์นวลฉวี ว่าท่านจะเดินทางมาติดต่อธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา และยินดีที่จะมาสอนวิชาลูกดิ่งพร้อมบรรยายเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดและอาหารเป็นยาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ณ วัดป่าธรรมชาต ซึ่งอาจารย์ได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการใช้ใบ เมล็ด ตลอดจนน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดมะรุม ให้เป็นวิทยาทาน เมตตาจิตอันสูงส่งของท่าน นำความปิติยินดีและได้รับความขอบคุณเป็นอย่างสูง จากชาวแคลิฟอร์เนียโดยทั่วหน้า อีกทั้งยังทำให้ผู้เขียนได้เข้าใจในสรรพคุณของมะรุมลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ที่สำคัญทั้งอาจารย์สุทธิวัสส์ และอาจารย์สุชานี คำภา ได้ให้ความรู้ในด้านต่างๆ อีกมามายเกี่ยวกับอาหารธรรมชาติบำบัด อาหารเป็นยา การสร้างพลังจิตเพื่อรักษาตนเอง หลักการใช้ลูกดิ่งใรนกสรประเมินผลสุขภาพของตนเองและบุคคลข้างเคียง การจัดกระดูก การกดจุดบำบัดและอื่นๆ อีกหลายแขนงเพื่อให้คนไทยในต่างแดนสามารถดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์ และแข็งแรงอยู่เสมอ ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ท่านทั้งสองได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ศิษย์ในแดนไกลอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เป็นที่น่าซาบซึ้งและประทับใจยิ่งนัก
การทำงานทุกอย่างย่อมต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง ผู้เขียนค่อนข้างโชคดีในเรื่องนี้ เพราะลูกๆ ทั้งสามคนได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการทดลองด้วย ในการทดลองนั้นถ้าหากกระทำแต่เพียงลำพังผู้เดียว โดยไม่มีผู้ให้โอกาสและสนับสนุน ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จฉันใด กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ณ เวลานั้นร่างกายของผู้เขียนทรุดดทรม ถูกโรคภัยคุกคามจนแทบเอาชีวิตไม่รอด รวมทั้งความเจ็บป่วยที่เกดจากาการให้ยาผิดของแพทย์แผนปัจจุบันหลายต่อหลายท่าน
เมื่อผู้เขียนตัดสินใจเริ่มใช้มะรุมในการรักาษตัว เป็นมารยาททที่จะต้องปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันผู้ให้การรักษาด้วย ถ้าหากแพทย์เหล่านั้นไม่ให้การสนับสนุน โอกาสที่จะดำเนินตอ่ไปก็ย่อมลำบาก เพราะประเทศนี้ต้องใช้บริษัทประกันสุขภาพเป็นผู้ตัดสินการรักษาพยาบาล จึงอาจมีปัญหาติดตามมาในภายหลังได้ แพทย์ประจำตัวผู้เขียน 6 ใน 7 ท่านปฎิเสธที่จะสนับสนุนการใช้สมุนไพรมาร่วมในการบำบัดรักษา แต่ด้วยความเมตตาปรานีและจิตใจอันเปิดกว้างในวิทยาการทุกด้านของแพทย์หญิงโมนาแห่งโรงพยาบาลไคเซอร์เพอร์มาเนนเต้ ท่านตกลงยอมให้ผู้เขียนใช้ใบมะรุมรักษาตัวเองพร้อมๆ ไปกับยาแผนปัจจุบัน โดยควบคุมดูและและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ภายในระยะเวลา 8 เดือน ผู้เขียนสามารถหยุดยาแผนปัจจุบันได้ โดยเด็ดขาด และแพทย์ท่านนี้ยังได้กรุณาติดตามผลการใช้มะรุมในทุกๆ 3 เดือนเป็นเวลานานถึง 2 ปีเต็ม แม้แต่ปัจจุบันนี้เพื่อความไม่ประมาท ผู้เขียนก็ยังอยู่ในความดูแลของท่านอย่างสม่ำเสมอ
จากการติดตามวิเคราะห์ผลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้ค้นพบว่า การทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอนั้น ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกที่เสื่อมสภาพตามวัยให้กลับคืนมาได้อีกด้วย บุญคุณของแพทย์หญิงท่านนี้ จึงนับได้ว่ามากมายมหาศาล เพราะเป็นการยังประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก อย่างประมาณค่ามิได้ น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่สามารถเปิดเผยชื่อสกุลของท่านได้ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางความปลอดภัยในการประกอบวิชาชีพของท่าน
ผู้เขียนเริ่มเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับมะรุมที่วัดป่าธรรมชาติ โดยได้รับความเมตตา อนุเคราะห์จากท่านเจ้าคุณภาวนาญาณวิเทศ (อาจารย์เหรียญ ธนลาโภ) เจ้าอาวาส ท่านเป็นบุคคลสำคัญที่ให้การสนับสนุน ตลอดจนให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ นอกจากการเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทย และเทศในต่างแดนแล้ว ท่านยังมีความปรารถนาที่จะช่วยให้ทุกคนมีสมบูรณ์ แข็งแรง โดยปกติท่านมีความสนใจในสมุนไพรพื้นบ้านอยู่แล้ว เมื่อผู้เขียนกราบเรียนว่า มะรุม พืชพื้นบ้านของไทยเราสามารถรักษาโรคได้ ท่านจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ พร้อมกับขอข้อมูลเพื่อศึกษาด้วยตนเองจากเว็ปไซต์ ท่านเห็นว่า ผู้เขียนมีอาการดีขึ้น ผิดไปจากเดิมจนสังเกตได้ จึงได้ทดลองฉันด้วยตัวท่านเอง และลงความเห็นว่า มะรุมช่วยทำให้ ภูมิต้านทานดีชึ้น และเชื่อว่าน่าจะช่วยคนไทยได้เป็นอย่างมาก
บุคคลสุดท้ายเป็นผู้ที่มีพระคุณสูงสุดคือแม่ ผู้ให้ชีวิต เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอน ให้เห็นถึงคุณงามความดี ความมีเมตตาปรานีและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นต่อเพื่อนร่วมโลก ถ้าหากปราศจากท่านแล้วย่อมไม่มีผลงานชิ้นนี้ออกมามอบให้ท่านทั้งหลาย กุศลผลบุญใดๆ อันพึงบังเกิดจากการเขี่ยนหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจึงขอมอบแด่มารดาผู้ประเสริฐ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอจงเป็น พลวปัจจัยให้ท่านได้ก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ.
มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์
จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน๒
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร
| |
| |
| |
| |
Bing™ brings you maps, menus, and reviews organized in one place.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น