มะรุมต้นไม้มะหัศจรรย์

on วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลที่นับถือ.
 
            ผมได้ฟังวิทยุจาก "คลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน" www.managerradio.com  รายการ คนในข่าว โดยคุณแอน จินดารัตน์
ปเนรายการเมื่อ.-
 
 

21/09/52 รายการ "แอน จินดารัตน์" มะรุม สมุนไพรไทย ให้คุณประโยชน์มากมาย
 
             ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องเกษตรกร/ชาวนา ซึ่งก็รู้จัก ต้นมะรุม เป็นอย่างดีแล้ว โดยเฉพาะ แกงส้มมะรุม. และผมได้เข้าไปค้นจากกูเกิล พบข้อมูลที่น่าสนใจอีกมากมายครับเช่น.-
 
มะรุมรักษาโรค, มะรุมต้นไม้มะหัศจรรย์, มะรุมแคบซูล.
 
มะรุมสมุนไพร, มะรุมแก้โรค, มะรุมรักษามะเร็ง.
 
มะขามผง, มะรุมเพื่อชีวิต, มะระสรรพคุณ,
 
มะรุมรักษาโรคเอดส์ (AIDS) เป็นต้น
 
ลองเลือกเข้าไปค้นข้อมูลมาอ่านเพิ่มเติมกันนะครับ

มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์ 1

ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของต้นมะรุม

ใบสด

           เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ควรรับประทานใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป การใช้ใบสดปรุงอาหารต่างๆ สามารถทำได้ตามความต้องการและความถนัด เนื่องจากใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง ฉะนั้นจึงไม่ควรให้ทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป

           ใบมะรุมสดก็เหมือนผักใบเขียวทุกชนิด ไม่ควรรับประทานเป็นจำนวนมากเพราะจัดเป็นยาถ่ายประเภทหนึ่ง เมื่อเริ่มรับประทาน บางท่านอาจจะมีอาการท้องเสีย อาการต่างๆ มิได้เกิดขึ้นกับทุกคน เข้าใจว่าเป็นไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจมีอาการง่วงขนาดหนักจนขับรถแทบไม่ได้ บางคนมีผื่นลมพิษทันทีหลังรับประทาน

           ซึ่งเรื่องนี้ได้ปรึกษากับท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ท่านได้ให้คำอธิบายว่าเป็นผลมาจากการที่ร่างกายได้สะสมสารพิษไว้เป็นจำนวนมาก หากเกิดอาการเช่นนี้ให้หยุดรับประทานชั่วคราวแล้วเริ่มใหม่ ทำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้งอาการจะดีขึ้นตามลำดับ จากผลการทดลองของเวิร์ดเชิสยังไม่พบผู้มีอาการแพ้เลย แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์พบว่า มีผู้ที่เกิดอาการแพ้ภายหลังรับประทานใบมะรุม โดยมีอาการวิงเวียนศรีษะ ในกรณีนี้ท่านแนะนำให้รับประทานใบแมงลัก อาการวิงเวียนศรีษะก็จะหายไป การรับประทานใบสด ไม่ควรถูกความร้อนนานเพราะจะทำให้สูญเสียสารอาหารหลายชนิด ใบสดใช้จิ้มน้ำพริก ใส่แกง ใส่สลัด และใส่แซนด์วิช

           ใบสดเปล่า ๆ จะมีรสเผ็ด แต่เมื่อนำมารับประทานกับข้าว หรือแซนด์วิสจะไม่รู้สึกเผ็ดเลย ในระยะ จากหนังอ้างอิงของ ดร.ฟุคเล่ย กล่าวว่าถ้าคั้นใบมะรุมสดดื่มวันละ 1 ช้อนโต๊ะ จะสามารถรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ และควบคุมความดันโลหิตสูง

           วัยรุ่นและผู้ใหญ่ รับประทานสด วันละ 1 -3 กิ่ง หรือใช้ประกอบอาหารก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลเร็วควรคั้นน้ำดื่มประมาณวันละ 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับผู้ใหญ่ และ 1 ช้อนชาสำหรับเด็กวัยรุ่น ถ้ามีอาการท้งอเสียให้ลดจำนวนลง แล้ว ค่อย ๆ เพิ่มอาการจะดีขึ้น การรับประทานสม่ำเสมอจะสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย   

วิธีทำใบมะรุมตากแห้ง    

           ง่าย ๆที่สามารถทำได้ในครัวเรือน ถ้าปลูกได้เอง ก่อนเก็บหนึ่งวันให้ฉีดน้ำล้างใบให้สะอาด จากนั้นจึงนำมาผึ่งให้แห้งในที่ร่ม  ใบแห้งสนิทจะสังเกตได้ง่าย ๆ คือ เวลาเอามือจับใบจะกรอบ แตกง่าย ถ้าตาก 2 - 3 วันแล้วยังไม่แห้ง ให้เปิดเตาอบ อุณหภูมิร้อนเท่าแสงแดด ใส่ใบมะรุมเข้าไปประมาณ 10 นาทีใบจะกรอบ รีบนำออกมาทันที ถ้าไม่เตาอบให้นำใบมะรุมใส่กระด้งที่สานถี่ ๆ ชนิดที่ใบไม่สามารถหลุดร่วงลงไปได้ เอาตะแกรงอีกใบปิดครอบเพื่อกันแสงแดดทะลุลงไป แล้วนำไปตากกลางแดดสัก 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าใบจะกรอบ

           ใบแห้งจะขาดไวตามินซี ไวตามินบี คลอรีนและแร่ธาตุบางจำพวกที่สูยหายไปในระหว่างการทำให้แห้ง แต่คุณสมบัติอื่น ๆ ยังคงเดิม ถ้าจะเก็บไว้ดื่มเป็นน้ำชา ให้เก็บไว้ในขวดทึบที่แสงผ่านเข้าไปไม่ได้ ป้องกันการเสื่อมคุณภาพ

การทำมะรุมผง

ทำได้หลายวิธี

1.  บดด้วยเครื่องบดกาแฟ

2.  ใส่ครกตำให้ละเอียด

3.  ถ้าไม่สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ให้เอาใบทะรุมแห้งใส่ตะแกรงถี่ ๆ แล้วใช้แปรงลวดปัดไปปัดมา จะได้ผงมะรุมแห้งเก็บใส่กระป๋องหรือขวดทึบแสง รอบรรจุแคปซูล มะรุมผงก็เช่นกัน ควรเก็บในขวดทึบแสง

ฝักมะรุม

           นำไปปรุงอาหารได้หลายประเภท ทั้งแกงและผัด มะรุมที่ฝักอ่อนมาก ๆ ขณะที่เปลือกยังไม่แข็งจะมีรสชาติคล้ายถั่วฝักยาว นำมาประกอบอาหารได้เช่นเดี่ยวกับถั่วฝักยาว ฝักมะรุมกลางอ่อนกลางแก่ เวลานำมาปรุงอาหารเรามักจะปลอกเปลือกก่อน คุณสุภา  บุบผาชื่น ค้นพบว่าถ้านำเอาเปลือกมะรุมมาต้มกับเม็ดเก๋ากี้และฮ่วยซัวจะช่วยให้น้ำแกงมีรสอร่อย มีคุณค่าทางอาหารดีเยี่ยมและได้ไวตามินครบถ้วน

เมล็ดแก่

           เมล็ดมะรุมก็เช่นเดียวกับใบคือมีคุณค่ามหาศาล เพียงวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน จะช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็ไปอย่างสม่ำเสมอ เมื่อการขับถ่ายกลับเป็นปกติแล้ว ขอแนะนำว่าควรงดการรับประทาน เพราะเมล็ดมะรุมเป็นยาปฏิชีวนะอย่างอ่อน อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน  จากการค้นพบว่าในการเดินทางไปในที่ ๆ ไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องความสะอาดของน้ำและอาหาร ให้เคี้ยวเมล็ดมะรุมควบไปด้วย จะช่วยป้องกันโรดท้องเดินได้

            เมล็ดมะรุมจะมีรสขม แต่พอเคี้ยวไปสักพักจะเริ่มมีรสหวานขึ้นเรื่อย ๆ จนหวานจัด เมื่อดื่มน้ำ คอจะรู้สึกชุ่มชื่น หลังจากที่รับประทานครั้งแรก พบว่าอาการไอเรื้อรังหายไปทันที  เมล็ดมะรุมเป็นยาปฎิชีวนะอย่างอ่อนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายประเภท

 

 

 

 

 


 

Link : ไปยังข้อมูลต่างๆ จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน ๒
มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร



 



 

คำนำ / บทสำนึกคุณ จากผู้เขียนหนังสือ

ข้อมูลคร่าวๆ จากแหล่งอ้างอิง

ประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง

มะรุมรักษาโรคเอดส์ (AIDS)

ตำราอาหารเกี่ยวกับมะรุมและธรรมชาติบำบัด








 




ผลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุมดังนี้ :
เปรียบเทียบคุณค่าสารอาหารในใบมะรุมจากน้ำหนักเท่าๆ กัน กรัมต่อกรัม
ใบมะรุม
มีไวตามินซี มากกว่าส้ม 7 เท่า
มีแคลเซียม มากกว่านม 4 เท่า
มีไวตามินเอ มากกว่าแครอท 4 เท่า
มีโปแตสเซียม มากกว่ากล้วย 3 เท่า
มีโปรตีน มากกว่านม 2 เท่า

มะรุมเป็นไม้กลางบ้านของไทยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ชาวอินเดียยังได้ทำการทดลองและเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ถึง 300 ฃนิด

องค์การสหประชาชฃาติได้ให้การสนับสนุนในการค้นคว้าและวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในการรักษาโรคขาดอาหารและอาการตาบอดซึ่งเกิดขึ้น ในเด็กแรกเกิดจนถึงวียเจริญเติบโตในประเทศด้อยพัฒนา เช่นกลุมประเทศในแอฟริกาตอนใต้และประเทศอินเดีย

กลุ่มองค์การการกุศลหลายแห่งได้หันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังกับพันธุ์ไม้ชนิดนี้ รวมทั้งในประเทศไทย กลุ่มนักศึกษาแพทย์ จำนวน 25 ท่านจากุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการทดลองวิจัย โดยนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัด แม้แต่กลุ่มประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤา เยอรมัน รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน ก็หันมาให้ความสนใจ และทำการค้นคว้าอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เบาหวาน โรคเอดส์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อมูลคร่าวๆ จากแหล่งอ้างอิง
ข้อมูลต่อไปนี้ ได้มาจากวารสารการค้นคว้าและวิจัยของแพทย์หลายแขนงที่ประสบผลสำเร็จ และจากประสบการณ์จริงในการใช้ส่วนต่างๆ ของต้นมะรุมในการบำรุงรักษาสุขภาพ ทุกๆ ท่านที่เอ่ยถึงยังมีชีวิตอยู่ บางท่านขอสงวนนาม บางท่านก็อนุญาตให้เปิดเผยนามได้

ประโยชน์ทั้งหลายที่พอจะรวบรวมได้ มีดังต่อไปนี้
I.ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ ลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดจากการขาดสารอาหารได้เป็นอย่างดี ในกรณีเด็กแรกเกิด การให้สารมะรุม ทำได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน้ำนมมารดา เมื่อทารกดื่มนมมารดาที่รับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอ สารอาหารสำคัญๆ จะผ่านสู่ทารกโดยง่าย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มแคลเซียมเข้าไปเสริมกระดูกให้มารดาเป็นอย่างดี ผลที่ได้ 100% มีตัวอย่างจากวารสารลอสแอนเจลิสไทม์ ฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2000 เป็นบทความชื่อ "มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์" โดย มาริค พิส บรรยายถึงเด็กชายชาวเอธิโอเปียอายุ 5 เดือน ซึ่งแพทย์หมดหวังที่จะให้การรักษา เพราะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ต่อมาเมื่อมารดาได้รับการแนะนำ โดยนายแพทย์ซึ่งเป็นหมอสอนศาสนาจากกลุ่มองค์กรการกุศล "ต้นไม้เพื่อชีวิต" ให้รู้จักการใช้ใบมะรุมแห้งบดละเอียดนำมาทำอาหาร ขณะนี้เด็กชายผู้นั้นมีอายุ 6 ขวบ สุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง พ้นภาวะตามืดบอดได้อย่างหวุดหวิด

II. ช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้ทำการรักษา จากการตรวจวัดด้วยลูกดิ่ง ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้บรรยาย ณ วัดป่าธรรมชาติว่า ถ้ารับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอย่อมมีโอกาสที่จะหายจากโรคเบาหวานได้ คณะแพทย์และนักวิจัยทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างสูง โดยหาดูรายละเอียดได้จากเว็ปไซต์ทั่วๆ ไป

III. ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูง ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ แต่ทั้งนี้จะต้องช่วยตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร การบริหารร่างกายง่ายๆ เช่น การเดิน การรำไท้ซี่ เป็นต้น มิฉะนั้นแล้ว การบำบัดด้านนี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

IV. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ถ้ารับประทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากจะทำให้มารดามีสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรงแล้ว ทารกที่เกิดมาก็จะมีสุขภาพสมบูรณ์และโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อ HIV ย่อมลดน้อยลงด้วย มะรุมจะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้แก่มารดาในระยะตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี คนทั่วๆ ไป สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองได้ถ้ารับประทานใบมะรุมอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง

V. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ต่ำลงของผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ และสามารถมีชีวิตอยู่อย่างคนปกติทั่วไปในสังคม การรักษาโรคเอดส์ประสบผลสำเร็จอย่างกว้างขวางจากประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกา และได้รับความสำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005 จากการค้นคว้าและทดลองของงัดแอฟริกาอินแลนด์ ประเทศทานซาเนีย โดยนายแพทย์เฟลิซิ และพยาบาลชาวเยอรมันชื่อไมค์กี้ เอตลิ่ง สำหรับท่านที่สนใจต้องการจะนำไปทดลองใช้ วิธีการรักษาจะอยู่ในบทความตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้โดยละเอียด

VI. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และถ้าหากเป็นอยู่ก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่กับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยลดการแพ้รังสี ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น และมีร่างการแข็งแรง ขณะนี้สถาบันค้นคว้าโรคมะเร็งของมหาวิทยาลัยการแพทย์จอนฮอพกินส์ ตลอดจนหน่วยงานการวิจัยหลายสถาบัน กำลังเร่งทำการค้นคว้าด้านนี้อย่างจริงจัง ท่านสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ http://www.PUBMED.GOV โดยพิมพ์คำว่า MORINGA ท่านจะได้ข้อมูลการวิจัยอย่างมากมาย

VII. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคเก๊าท์ โรคไขข้อและกระดูดอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม มีรายละเอียดบางส่วนจากการค้นคว้าด้านนี้ ในบันทึกของ Dr.Lovwell J. Fuglie และในเว็บไซต์ของหมอชาวบ้าน สำหรับกรณีของโรคเก๊าท์ และโรคไขข้ออักเสบ ผู้เขียนและเพื่อนๆ ชาวต่างชาติมีประสบการณ์โดยตรง ส่วนโรคมะเร็งในกระดูกนั้น มารดาอายุ 65 ปี ของเพื่อนร่วมงานชาวพม่า เมื่อเริ่มทานใบมะรุมได้ 1 ปี ก็พบว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุขภาพอยู่ในขั้นดี ไม่มีอาการทรุดโทรมเช่น ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งรายอื่นๆ

VIII. ช่วยรักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะทำให้สายตาดีขึ้น บุตรชายของผู้เขียนรับประทานใบมะรุมนานประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็ปรากฎว่า อาการสายตาสั้นที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมจนสังเกตได้ ตัวผู้เขียนเองเป็นโรคตา "กลูโคม่า" อย่างรุนแรง มีอาการน่าวิตก หลังรับประทานมะรุมอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 4 ผลปรากฎว่าดีขึ้นอย่างมาก จนแพทย์ผู้ทำการรักษาประหลาดใจ และงุนงงเมื่อทราบว่าเป็นผลมาจากการทานใบมะรุมที่ท่านปฎิเสธที่จะให้การสนับสนุนนั่นเอง

IX. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้ เป็นต้น ในปี 2003 ผู้เขียนป่วยหนักด้วยโรคลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง แพทย์ลงความเห็นว่า ควรตัดส่วนที่เป็นปัญหาทิ้งเพื่อกันการลุกลามจนอาจถึงขั้นเป็นมะเร็ง แต่เนื่องจากสุขภาพในขณะนั้นไม่อำนวยให้ทำการผ่าตัด ประกอบกับลำไส้ยังอักเสบอยู่ หลังจากออกจากโรงพยาบาล แพทย์ให้รับประทานยาปฎิชีวนะจนหมด และนัดให้กลับไปตรวจใหม่ แต่ด้วยความกลัวประกอบกับมารดาผู้เขียนเสียชีวิตด้วยโรคเดียวกัน หลังผ่าตัดเพียง 4 วัน ผู้เขียนจึงตัดสินใจไม่กลับไปหาหมออีก ระหว่างนั้นก็รับประทานใบมะรุมทั้งสดและแห้งรวมทั้งใบบัวบกด้วย อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็หายไป หนึ่งปีต่อมาทางโรงพยาบาลยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่กลับไปตรวจลำไส้อีก และถ้ามีอาการอักเสบซ้ำซ้อน ทางบริษัทประกันสุขภาพจะไม่รับผิดขอบค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนจึงตัดสินใจเข้ารับการตรวจผลปรากฎว่าโรคลำไส้หายเป็นปกติ ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น

X. รักษาปอดให้แข็งแรงและช่วยรักษาโรคปอดอักเสบ จากการค้นคว้าของแพทย์หลายๆ ท่าน และจากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียนที่เคยเป็นโรคปอดมาก่อน เมื่อรับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกได้ว่าสุขภาพปอดดีขึ้น

XI. รักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบ โรคโพรงจมูกอักเสบ หอบหืด และโรคภูมิแพ้ ทุกคนในครอบครัวผู้เขียนได้รับผลน่าพอใจอย่างยิ่งจากการใช้มะรุมผง โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้ของผู้เขายนลดลงจนเกือบจะหายดี หอบหืดหายไป หายใจสะดวกขึ้นจนคนใกล้ชิดสังเกตเห็นได้ในระยะแรกๆ ของการรับประทานใบมะรุม ผู้เขียนมีอาการไอมากพอสมควร แต่เพื่อนชาวจีนได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่คืออาการขับพิษของมะรุม เมื่อขับพิษหมด อาการไอจะหายไปเอง ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติผู้ขายผงมะรุม ได้นำเม็ดมะรุมมาให้ทดลองรับประทานดู ปรากฎว่าอาการไอหายไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันแทบจะไม่มีอาการไออีกเลย นอกจากเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงมากๆ จะไอบ้างเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรงนัก

XII. ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลรวดเร็ว มีหลายกรณีที่เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ ก่อนที่ผู้เขียนจะเริ่มรับประทานมะรุม ขณะนั้นสุขภาพทรุดโทรมมากและหกล้มเป็นประจำเพราะเข่าอ่อน มีครั้งหนึ่งหกล้มนิ้วเท้าหัก แพทย์ผู้ทำการรักษาประเมินผลว่าจะหายได้ในระยะเวลา 7-8 เดือนเป็นอย่างน้อย โชคดีที่ผู้เขียนเริ่มรับประทานมะรุมแคปซูลอย่างสม่ำเสมอ ปรากฎว่าอาการดีขึ้น เริ่มใส่รองเท้าได้ภายใน 3 อาทิตย์ และสามารถเดินได้เป็นปกติในระยะเวลาแค่ 3 เดือน ผู้สูงอายุหลายท่านแห่งหมู่บ้านออนท๊อปออฟเดอ-เวิลร์ด เมืองโอคาล่า มลรัฐฟลอริดา และชาววัด ป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้ หลายท่านก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับกระดูกหักและใช้มะรุมช่วยรักษาเช่นเดียวกัน สำหรับผู้เขียนเองนอกจากจะช่วยเรื่องกระดูกหักแล้ว ยังช่วยโรคกระดูกเสื่อมในผู้สูงวัยอีกด้วย คุณหมดโมนาได้ตกลงตรวจกระดูกให้ผู้เขียน หลักจากที่ได้ขออนุญาตท่านหยุดทานแคลเซียมเป็นเวลา 8 เดือน และกลับไปเอ็กซเรย์กระดูกใหม่ ผลปรากฎว่าความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น 1 % ถึงจะเป็นเป็นอัตราส่วนที่เล็กน้อย แต่คุณหมอโมนากล่าวว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของผู้เขียน และจากผลการตรวจ ท่านได้สั่งหยุดยารักษาโรคทุกชนิดเหลือแต่ยาความดัน ให้มีติดตัวไว้เสมอเพื่อความไม่ประมาท ส่วนยาหยอดตา ผู้เขียนยังคงใช้เป็นประจำ เพราะนอกเหนือหน้าที่ของคุณหมอโมนา

XIII. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอชนิดมีพิษ มีผลในเพศหญิงเต็ม 100% ชาย 75% ใบมะรุมผงสามารถรักษาจนผู้เขียนหายขาดจากโรคคอหอยพอก ในอดีต แพทย์ที่ทำการรักษาให้ยาเกินขนาดจนร่างกายผู้เขียนรับไม่ไหว ระยะเวลาเพียง 6 เดือน น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50 ปอนด์ ในที่สุดแทพย์ที่ทำการรักษายอมแพ้ และส่งต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคดูแลต่อ กว่าจะถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เขียนอาการทรุดลงมากแล้ว โรคเบาหวานเข้าแทรก โรคไขมันในเม็ดเลือด ความดันสูง โรคตับ โรคไต โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคกระเพาะ พร้อมใจกันคุกคามอย่างหนัก สายตาเสื่อมลง การหายใจผิดปกติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอโรเซ็นเบิร์ก ถึงกับส่ายหน้า เพราะไม่ทราบจะเริ่มรักษาส่วนใดก่อนดี ในระยะเริ่มแรกที่ทำการรักษา ผู้เขียนเกิดอาการโรคลำไส้แทรกซ้อนแทบเอาชีวิตไม่รอด ในตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าผู้เขียนจะรอดชีวิตมาได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ดูจะสุดวิสัยที่แพทย์จะเยียวยาได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณหมอโรเซ็นเบิร์กตัดสินใจจะรักษาโรคคอหอยพอกก่อน ซึ่งขณะนั้นมีให้เลือก 2 ทาง คือ

1. การผ่าตัด กรณีผู้เขียนกลัวมาก เพราะมารดาเคยได้รับการผ่าตัดแบบเดียวกัน แต่โชคร้ายการผ่าตัดไม่ประสบผลเท่าที่ควร มีโรคแทรกซ้อนจนเกิดอาการทางประสาท และต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 2 ปี

2. การใช้รังสีปรมาณู เพื่อนหลายคนของผู้เขียนได้รับการรักษาประเภทนี้ และประสบปัญหายุ่งย่ากทางสุขภาพ พอดีในขณะนั้น สุขภาพของผู้เขียนไม่อำนวยให้ทั้ง 2 ทาง หมอจึงขอเวลา 3 เดือน จะเริ่มต้นหลังปีใหม่ 2004 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้เขียนออกจากโรงพยาบาล และได้พบเพื่อนสองสามีภรรยาผู้มีใจเมตตาแนะนำให้ลองทานใบมะรุม จึงได้เริ่มทำการค้นคว้าหาข้อมูล และพบว่ามะรุมมีคุณประโยชน์มหาศาล หลังจากรับประทานใบมะรุมได้ 3 เดือน

วันที่ 4 มกราคม 2004 ผู้เขียนกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยวิธีใด เป็นความบังเอิญที่คุณหมอโรเซนเบิร์กต้องย้ายที่ทำงาน จึงได้ส่งมอบการรักษาให้คุณหมอโมนาผู้ซึ่งในเวลาต่อมาต้องได้รับความประหลาดใจอย่างมาก เมื่อพบว่าโรคคอหอยพอกของผู้เขียนมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ อีกหลายโรค ผู้เขียนจึงตัดสินใจบอกคุณหมอเรื่องการใช้ใบมะรุมควบคู่ไปกับยาที่คุณหมอสั่ง แรกทีเดียวท่านไม่เชื่อ แต่ก็ลดยาหลายขนานลงตามอาการของโรค และเลื่อนการพบแพทย์ห่างออกไป

ในเวลานั้นผู้เขียนไม่แน่ใจว่า มะรุมจะสามารถรับประทานระยะวได้ จึงเกิดความกลัวว่าการรับประทานใบมะรุมมากๆ อาจจะมีผลแทรกซ้อน จึงลองหยุดรับประทาน 3 เดือน ต่อมาเมื่อกลับไปพบคุรหมอโมนาตามนัด ก็พบว่าอาการของโรคทุกชนิดที่เคยเป็นได้กลับมาอีก คุณหมอโมนาจึงสั่งให้หยุดการรับประทานมะรุม แต่ผู้เขียนไมได้เรียนว่า เพราะหยุดนี่แหละโรคต่างๆ จึงกลับมาอีก ท่านสั่งยาต่างๆ เพิ่มเติมและนัดให้กลับไปอีกภายใน 2 เดือน ผู้เขียนเริ่มกลับมารับประทานใบมะรุมอีก ด้วยความกลัวจึงเพิ่มขนาดขึ้นจากวันละ 4 แคปซูล เป็นวันะล 6 แคปซูล เมื่อถึงกำหนดนัด คุณหมอถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะอาการทุกอย่างกลับเป็นปกติอีกครั้ง ครั้งนี้ผู้เขียนจึงสารภาพกับคุณหมอว่าผู้เขียนไม่ได้ใช้ยาที่แพทย์สั่งเลย นอกจากยาลดความดันเพียงอย่างเดียว แต่รับประทานมะรุมทุกวัน แพทย์หญิงโมนาจึงยอมตกลงว่าจะให้เวลา 2 เดือน ถ้าอาการกลับทรุดลงไปอย่างเดิม จะไม่มีการต่อรองใดๆ อีกทั้งสิ้น

2 เดือนต่อมา ผลที่ออกมาก็ยังคงเหมือนเดิม ผู้เขียนจึงต่อรองขอเวลาอีก 1 ปี โดยจะมารับการตรวจทุกๆ 3 เดือน คุณหมอก็ตกลงตามนั้น

ในการตรวจร่างกายครบ 1 ปี พบว่า นอกจากรักษาโรคแล้ว มะรุมยังรักษา กระดูกด้วย ผู้เขียนจึงขอต่อรองกับคุณหมออีกครั้ง โดยขอหยุดทานแคลเซี่ยมเป็นเวลา 1 ปี ครั้งนี้คุณหมอลังเลใจและบอกว่าเสี่ยงมากเกินไป สำหรับกระดูก จึงตัดสินใจให้เวลาเพียง 8 เดือน โดยเอ็กซ์เรย์ดูความหนาแน่นของกระดูกไว้ก่อนว่า สภาพกระดูกของผู้เขียนเสื่อมโทรมเพียงใด ท่านยังกำชับอีกว่า ถ้าเกิดอาการเจ็บปวดหรือผิดปกติเมื่อใดให้รีบติดต่อท่านทันที

ครั้งนี้ ผู้เขียนเพิ่มจำนวนแคปซูลจากวัน 6 เป็น 8 เมื่อครบกำหนดตามนัด คุณหมอโมนาเดินเข้ามาในห้องตรวจ พร้อมด้วยผลเอ็กซ์เรย์ครั้งที่ 2 ด้วยใยหน้าที่ยิ้มละไมและโค้งให้ผู้เขียนพร้อมกับกล่าวว่า "ขอเรียกว่า "คุณมะรุม" ได้ไหม?" เราประสบผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกัน ถึงแม้ว่าเปอร์เซ็นต์ในการเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกจะเพียงน้อยนิด แต่ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเราประสบผลสำเร็จในการทดลองครั้งนี้ท่านได้มอบผลการตรวจให้ผู้เขียนไว้เป็นหลักฐาน ท่านใดต้องการข้อพิสูจน์ ผู้เขียนยินดีที่จะมอบสำเนาให้ดู น่าเสียดายที่กฎหมายอเมริกันไม่อำนวยให้คุณหมอนำมะรุมมาใช้รักษาคนไข้อื่นๆได้ ผู้เขียนจึงได้แต่หวังว่า ประสบการณ์ส่วนตัวอาจจะช่วยเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารที่แพทย์สมัยใหม่ไปไม่ถึง หรือฐานะการเงินไม่อำนวย ให้พบแพทย์ได้ หรืออาจจะนำความรู้และประโยชน์ของมะรุมมาใช้กับครอบครัวและคนรอบข้าง

งานวิจัยด้านโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน โรคคอหอยพอก โรคตับ และโรคตา ท่านสามารถค้นดูได้จาก http://www.PUBMED.GOV และอีกหลายเว็ปไซต์เกี่ยวกับมะรุม นอกจากนี้หนังสือพิมพ์รายวันในเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาใต้ ลงบทความเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของมะรุมหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องมะรุมเป็นพิเศษ



มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์
จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน๒
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร

 

 

 

 

บทสำนึกคุณ


หนังสือเล่มนี้จะไม่สามารถเป็นรูปเล่มขึ้นมาได้เลย ถ้าปราศจากบุคคลผู้มีพระคุณดังต่อไปนี้

ท่านแรกคือ ผู้ที่ชี้แนะผู้เขียนให้รู้ถึงประโยชน์ในการใช้ใบมะรุมเป็นยา แต่น่าเสียดายที่ผู้เชียนไม่สามารถจดจำชื่อท่านผู้นั้นได้ และไม่ได้พบท่านอีกเลย หลังจากบริษัทย้ายสถานที่ทำการใหม่ ถ้าท่านบังเอิญได้อ่านหนังสือเล่มนี้ โปรดรับคำขอบคุณและรับทราบว่าผู้เขียนไม่เคยลืมบุญคุณนี้เลย

หลังจากได้รับการแนะนำ ผู้เขียนเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะรุมจากคอมพิวเตอร์และได้พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย จึงนำมาเรียบเรียงและแปลเป็นภาษาไทย เพื่อเผยแพร่ความรู้นี้ให้แก่เพื่อนฝูงและญาติมิตรไปพร้อมๆ กัน ผู้เขียนใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถพิมพ์ดีดภาษาไทยได้ จึงมีเพื่อนผู้มีพระคุณอีกท่านหนึ่งช่วยผลักดันผลงานการค้นคว้าของผู้เขียนออกสู่สายตาทุกๆ ท่านคือ คุณรัตตินันท์ อิงคเวศน์วานิช หนังสือเล่มนี้จึงเป็นผลงานอันเกิดจากความรักและปรารถนาดี ที่เพื่อนคนหนึ่งมอบให้เพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนคนอื่นๆ และผู้คนทั้งหลายในสังคมโลก

งานค้นคว้ามีมากมายหลากหลาย แต่ถึงกระนั้นก็ยากจะรู้ได้ลึกซึ้ง เพราะงานค้นคว้าของนักวิจัยส่วนใหญ่มักเป็นงานของแพทย์จากหลายๆ สาขา ภาษาที่ใช้จึงมักจะเป็น "ศัพท์เฉพาะทาง" ซึ่งผู้เขียนไม่มีความรู้ความชำนาญเลย จึงแปลยากด้วยเกรงว่าข้อมูลจะผิดพลาด ในระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนเริ่มหันมาสนใจ "วิชาธรรมชาติบำบัด" ของอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา โดยได้รับหนังสือ "นาฬิกาชีวิต" เล่มแรกจากคุณรัตตินันท์ เป็นของขวัญปีใหม่

นับจากนั้น ผู้เขียนจึงติดตามผลงานของท่านเรื่อยมา โดยได้รับการสนับสนุน และติดต่อผ่านท่านอาจารย์นวลฉวี ผู้กรุณาประสานงานให้ด้วยน้ำใจไมตรีอันอบอุ่นยิ่ง

เดือนมิถุนาย 2548 ผู้เขียนได้รับการติดต่อจากท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ ผ่านอาจารย์นวลฉวี ว่าท่านจะเดินทางมาติดต่อธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา และยินดีที่จะมาสอนวิชาลูกดิ่งพร้อมบรรยายเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดและอาหารเป็นยาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ณ วัดป่าธรรมชาต ซึ่งอาจารย์ได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการใช้ใบ เมล็ด ตลอดจนน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดมะรุม ให้เป็นวิทยาทาน เมตตาจิตอันสูงส่งของท่าน นำความปิติยินดีและได้รับความขอบคุณเป็นอย่างสูง จากชาวแคลิฟอร์เนียโดยทั่วหน้า อีกทั้งยังทำให้ผู้เขียนได้เข้าใจในสรรพคุณของมะรุมลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ที่สำคัญทั้งอาจารย์สุทธิวัสส์ และอาจารย์สุชานี คำภา ได้ให้ความรู้ในด้านต่างๆ อีกมามายเกี่ยวกับอาหารธรรมชาติบำบัด อาหารเป็นยา การสร้างพลังจิตเพื่อรักษาตนเอง หลักการใช้ลูกดิ่งใรนกสรประเมินผลสุขภาพของตนเองและบุคคลข้างเคียง การจัดกระดูก การกดจุดบำบัดและอื่นๆ อีกหลายแขนงเพื่อให้คนไทยในต่างแดนสามารถดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์ และแข็งแรงอยู่เสมอ ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ท่านทั้งสองได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ศิษย์ในแดนไกลอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เป็นที่น่าซาบซึ้งและประทับใจยิ่งนัก

การทำงานทุกอย่างย่อมต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง ผู้เขียนค่อนข้างโชคดีในเรื่องนี้ เพราะลูกๆ ทั้งสามคนได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการทดลองด้วย ในการทดลองนั้นถ้าหากกระทำแต่เพียงลำพังผู้เดียว โดยไม่มีผู้ให้โอกาสและสนับสนุน ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จฉันใด กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ณ เวลานั้นร่างกายของผู้เขียนทรุดดทรม ถูกโรคภัยคุกคามจนแทบเอาชีวิตไม่รอด รวมทั้งความเจ็บป่วยที่เกดจากาการให้ยาผิดของแพทย์แผนปัจจุบันหลายต่อหลายท่าน

เมื่อผู้เขียนตัดสินใจเริ่มใช้มะรุมในการรักาษตัว เป็นมารยาททที่จะต้องปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันผู้ให้การรักษาด้วย ถ้าหากแพทย์เหล่านั้นไม่ให้การสนับสนุน โอกาสที่จะดำเนินตอ่ไปก็ย่อมลำบาก เพราะประเทศนี้ต้องใช้บริษัทประกันสุขภาพเป็นผู้ตัดสินการรักษาพยาบาล จึงอาจมีปัญหาติดตามมาในภายหลังได้ แพทย์ประจำตัวผู้เขียน 6 ใน 7 ท่านปฎิเสธที่จะสนับสนุนการใช้สมุนไพรมาร่วมในการบำบัดรักษา แต่ด้วยความเมตตาปรานีและจิตใจอันเปิดกว้างในวิทยาการทุกด้านของแพทย์หญิงโมนาแห่งโรงพยาบาลไคเซอร์เพอร์มาเนนเต้ ท่านตกลงยอมให้ผู้เขียนใช้ใบมะรุมรักษาตัวเองพร้อมๆ ไปกับยาแผนปัจจุบัน โดยควบคุมดูและและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ภายในระยะเวลา 8 เดือน ผู้เขียนสามารถหยุดยาแผนปัจจุบันได้ โดยเด็ดขาด และแพทย์ท่านนี้ยังได้กรุณาติดตามผลการใช้มะรุมในทุกๆ 3 เดือนเป็นเวลานานถึง 2 ปีเต็ม แม้แต่ปัจจุบันนี้เพื่อความไม่ประมาท ผู้เขียนก็ยังอยู่ในความดูแลของท่านอย่างสม่ำเสมอ

จากการติดตามวิเคราะห์ผลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้ค้นพบว่า การทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอนั้น ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกที่เสื่อมสภาพตามวัยให้กลับคืนมาได้อีกด้วย บุญคุณของแพทย์หญิงท่านนี้ จึงนับได้ว่ามากมายมหาศาล เพราะเป็นการยังประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก อย่างประมาณค่ามิได้ น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่สามารถเปิดเผยชื่อสกุลของท่านได้ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางความปลอดภัยในการประกอบวิชาชีพของท่าน

ผู้เขียนเริ่มเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับมะรุมที่วัดป่าธรรมชาติ โดยได้รับความเมตตา อนุเคราะห์จากท่านเจ้าคุณภาวนาญาณวิเทศ (อาจารย์เหรียญ ธนลาโภ) เจ้าอาวาส ท่านเป็นบุคคลสำคัญที่ให้การสนับสนุน ตลอดจนให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ นอกจากการเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทย และเทศในต่างแดนแล้ว ท่านยังมีความปรารถนาที่จะช่วยให้ทุกคนมีสมบูรณ์ แข็งแรง โดยปกติท่านมีความสนใจในสมุนไพรพื้นบ้านอยู่แล้ว เมื่อผู้เขียนกราบเรียนว่า มะรุม พืชพื้นบ้านของไทยเราสามารถรักษาโรคได้ ท่านจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ พร้อมกับขอข้อมูลเพื่อศึกษาด้วยตนเองจากเว็ปไซต์ ท่านเห็นว่า ผู้เขียนมีอาการดีขึ้น ผิดไปจากเดิมจนสังเกตได้ จึงได้ทดลองฉันด้วยตัวท่านเอง และลงความเห็นว่า มะรุมช่วยทำให้ ภูมิต้านทานดีชึ้น และเชื่อว่าน่าจะช่วยคนไทยได้เป็นอย่างมาก

บุคคลสุดท้ายเป็นผู้ที่มีพระคุณสูงสุดคือแม่ ผู้ให้ชีวิต เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอน ให้เห็นถึงคุณงามความดี ความมีเมตตาปรานีและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นต่อเพื่อนร่วมโลก ถ้าหากปราศจากท่านแล้วย่อมไม่มีผลงานชิ้นนี้ออกมามอบให้ท่านทั้งหลาย กุศลผลบุญใดๆ อันพึงบังเกิดจากการเขี่ยนหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจึงขอมอบแด่มารดาผู้ประเสริฐ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอจงเป็น พลวปัจจัยให้ท่านได้ก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ.


มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์
จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน๒
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร







 



Link : ไปยังข้อมูลต่างๆ จากหนังสือ นาฬิกาชีวิตตอน ๒
มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต
โดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร


คำนำ / บทสำนึกคุณ จากผู้เขียนหนังสือ

ข้อมูลคร่าวๆ จากแหล่งอ้างอิง

ประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง

มะรุมรักษาโรคเอดส์ (AIDS)

ตำราอาหารเกี่ยวกับมะรุมและธรรมชาติบำบัด




 



 




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2551
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 17:32:20 น.

Counter : Pageviews.
4 comments

Add to Share/Save/Bookmark Share/Save/Bookmark Share/Save/Bookmark

{ 1 }
 


ต้องบอกว่า .. มะรุมคือสมุนไพรที่มีประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ
กินแบบสด ๆ และกินแบบเป็นแคปซูล เรียกว่า
ได้ผลเช่นกัน .. อ่านแล้วจากที่ไม่ได้รู้ละเอียดถึง
ผลของมัน ตอนนี้อ่านบล็อกคุณเอ็กซ์แล้วทำให้เรา
เหมือนว่ารู้เพิ่มเติมมากขึ้น ... และเชื่อแน่ว่า
มะรุมสิ่งที่เราอาจจะมองข้ามไป ก็คงจะกลับมา
เป็นประโยชน์ได้มหาศาลถ้าหากว่าเราได้ข้อมูลแล้ว
นำมาเปลี่ยนแปลงการบริโภค หรือว่าไม่ก็ทาน
เป็นยาเสริมก็ได้ เพื่อร่างกายและสุขภาพที่ปราศจาก
โรคภัยที่จะเข้ามาคะ

 

โดย: JewNid วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:18:02:25 น.  

{ 2 }
 


คนท้องทานมะรุมมีผลต่อลูกในท้องยังงัยค่ะ เพราะปกติก็ทานประจำ แต่ตอนนี้ท้อง
ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ
lio_wanwisa_oil@hotmail.com

 

โดย: vvp IP: 118.172.235.212 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:12:46:29 น.  

{ 3 }
 


ตอนนี้ยังสั่งซื้อได้อยู่ไหมค่ะ
เพราะหามานานแล้วแต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนและมีค่าจัดส่งไหมค่ะ
ช่วยตอบด้วยที่เมล์
enjoy_joy14@hotmail.com

 

โดย: วิไลวรรณ IP: 58.8.117.166 วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:0:27:30 น.  

{ 4 }
 


สวัสดีค่ะคุณจอย

เพิ่งกลับจากไปส่งของที่ไปรษณ๊ย์มาค่ะ ส่งให้คุณจอยเรียบร้อยแล้วนะคะ

 

โดย: นางฟ้าอรชร วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:16:00:26 น.  

ชื่อ :
Comment :


 



Bing™ brings you maps, menus, and reviews organized in one place. Try it now.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น