เขียนโดย
Prachoom
on
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลที่นับถือ.
ผมพบบทความนี้ที่เขียนโดยคนอีสาน ผมเองไม่เชื่อทั้งหมด แต่คิดว่า ถ้าพี่น้องได้อ่านกัน อาจจะเป็นกระจกบานหนึ่งที่จะทำให้พวกเรามองตนเองได้อย่างช้ดเจนในบางมุมมองครับ.
สำหรับผมนั้นผมคิดต่างครับ สาเหตุที่แท้จริงคือความยากจน เนื่องมาจากภัยแล้ง/และน้ำท่วมซ้ำซากมากกว่าครับ ดังนั้นมันก็จะกลับไปสู่ปัญหาน้ำนั่นเองครับ ไคร?แก้ปัญหาน้ำได้เขาคนนั้นก็จะสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ และก็จะแก้ปัญหาการซื้อเสียงให้กับตนเองได้ครับ.
ถามว่าแล้วนักการเมือง ที่เราเลือดพวกเขาเข้ามาเป็นรัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาน้ำให้พวกเราได้หรือไม่? ผมตอบได้ทันทีเลยว่า รัฐบาลไหนก็ตามจะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำให้พวกเราได้เลยครับ เพราะพวกเขาเลือกทุนไงครับ(เลือกเงิน)
แล้วเราจะทำอย่างไร? ขอตอบว่า ต้องเปลี่ยนนักการเมืองไงครับ เพราะพวกเรารอกันมาร่วม ๒๐ ปีแล้ว เช่นเขื่อนที่ดังๆคือ เขื่อนปากมูน เขื่อนราษีไศล ที่พี่น้องกำลังและยังชุมนุมกันอยู่ นี่ก็รอคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะร่ยกรัฐมตรีมา ๑๐๐ วันเศษแล้วใช่ไหม?ครับ นักการเมืองที่เราเคยเลือก เขาสนใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาน้ำให้พวกเราไหม?ครับ เปล่าเลย และในเวลาเดียวกันเราก็ต้องช่วยตัวเองครับ ผมขอพูดซ้ำอีกสักครั้งนะครับว่า ทางเลือกของพวกเราคือ การเปลี่ยนมาทำการเกษตร "ทฤษฎีใหม่" ครับ ผู้ที่ถูกร้ำจากเขื่อนทะลักเข้ามาท่วมเป็นเวลานานก็ช้โครงการแก้มลิงมาแทนการขุดสระนะครับ เราต้องอดทนและอดออม พร้อมน้อมนำเอาแนวทางการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ " เศรษฐกิจพิเพียง" เท่านั้นครับ พวกเราก็จะหลุดพ้นจากการขายเสียงได้อย่างยั่งยืนครับ.
คงจะมีคนถามกันว่า แล้วพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลจะเข้าถึงข้อมูลนี้หรือครับ?
ผมเองก็ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้อง/หรือลูกหลานของพี่น้องที่เข้ามาอ่านข้อมูลนี้ได้ กรุณาพิมพ์ให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณลุง คุณป้าและคุณตาคุณยายได้อ่านด้วยนะครับ. ผมมีความเชื่อดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านที่ว่า...."....ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงและทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่เท่านั้นจะพอนั้น ไม่ได้แปลว่า เศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ...." จากนั้นได้ทรงขยายความ คำว่า "พอเพียง" เพิ่มเติมต่อไปว่า หมายถึง "พอมีพอกิน" "....พอมีพอกินก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนมีพอมีพอกินก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี...." "....ประเทศไทยสมัยก่อนนี้พอมีพอกิน มาสมัยนี้อิสระ ไม่มีพอมีพอกิน จึงจะต้องเป็นนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้ทุกคนพอเพียงได้ พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ...." ทรงเปรียบเทียบคำว่า พอเพียง กับคำว่า Self-Sufficiency ว่า "Self-Sufficiency นั้นหมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง...แต่ว่าพอเพียงนี้มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีกคือ คำว่าพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอใจในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบรยดเบียนผู้อื่นน้อย...." ครับ.
ด้วยจิตรคารวะ
ประชุม สุริยามาศ.วย.๗๗๗
ปัญหาการซื้อสิทธิ-ขายเสียงในภาคอีสาน (1) | โดย มงคลเลิศ ด่านธานินทร์ | 21 ตุลาคม 2552 15:08 น. | | | | ผมได้ยินทัศนะของคนกรุงเทพฯ เรื่องการซื้อสิทธิ-ขายเสียงทางการเมืองในแทบทุกระดับ (อบต., อบท., อบจ., ส.ส., ส.ว) ในภาคอีสานมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนะของนักวิชาการเมืองกรุงซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่เชื่อถือของคนจำนวนมาก หลังจากการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2543 และปี 2549 เป็นต้นมา ผมไม่ได้เชื่อทัศนะในการมองปัญหาดังกล่าวของนักวิชาการอย่างมั่นเหมาะว่า ต้นเหตุของปัญหาก็เพราะคนในภาคอีสานส่วนใหญ่ยากจน หรือบ้างก็ว่าเมื่อชาวบ้านรับเงินจากนักเลือกตั้งแล้วก็จำใจต้องลงคะแนนเสียงให้ ไม่เช่นนั้นจะบาปเพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา ที่ผมอ้างการเลือกตั้ง ส.ว. 2 ครั้งนั้นก็เพราะผมลงสมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดขอนแก่นด้วย ผมใช้เวลาคลุกคลีกับแกนนำเกษตรกรเป็นเวลาหลายปีในสมัยที่ผมเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกทั้งได้ลงพื้นที่ทั่วจังหวัดขอนแก่นอย่างทั่วถึงเป็นเวลานานหนึ่งปีก่อนจะถึงวันลงคะแนนเสียง ในการนี้ผมไม่เชื่อข้อสรุปว่าเพราะชาวบ้านกลัวบาปจึงลงคะแนนให้กับนักเลือกตั้งที่จ่ายเงินให้พวกเขา ผมรู้อย่างแน่นอนว่าชาวบ้านรับเงินจากนักเลือกตั้งหลายคน แต่โดยที่หน่วยเลือกตั้งของ ส.ว.กินพื้นที่ของทั้งจังหวัด มีผู้สมัครหลายคน แต่ผู้ลงคะแนนแต่ละคนมีสิทธิเลือกได้เพียงหนึ่งหมายเลขเท่านั้น ดังนั้นคำอธิบายที่ว่าเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่กลัวบาปจึงฟังไม่ขึ้น ส่วนประเด็นที่ว่าชาวบ้านขายเสียงเพราะความยากจน ผมเองไม่อยากจะเชื่อ ในการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2543 นักการเมืองต้องระมัดระวังตัวมาก เพราะเริ่มใช้กฎหมายเลือกตั้งใหม่เป็นครั้งแรก อีกทั้ง กกต. ก็ฟิตอย่างหนัก ดังนั้นต่างคนต่างไม่ค่อยกล้าใช้เงินซื้อเสียง แต่ก็นั่นแหละเมื่อใกล้วันลงคะแนนต่างก็อยากได้คะแนนจึงแอบซื้อเสียงๆ ระหว่าง 20-50 บาท พอถึงคืน "หมาหอน" มีการแจกผงชูรสซองเล็กๆ (ซองละ 10 บาท) เพื่อแลกกับ 1 คะแนน ข้อมูลนี้ผมยืนยันว่าเป็นจริง ครั้นถึงปีเลือกตั้ง 2549 มีการแจกเงินชนิดปิดหมู่บ้านกันเลย เงินแพร่สะพัดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เงินที่ชาวบ้านได้แก้ความยากจนได้หรือไม่ ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมสงสัยจริงๆ คือในคืนหมาหอนหรือก่อนหน้านั้นสัก 1-2 คืน พอได้รับเงินพวกผู้ชายส่วนมากพากันล้อมวงดื่มเหล้าผสมลิโพวิตัน หรือเอ็ม – 100 กันอย่างสนุกสนาน หรือถ้าเผอิญมีมวยตู้เขาก็ใช้เงินที่ได้พนันมวยทันที ส่วนแม่บ้านนั้นอาจมีการเก็บเงินไว้บ้าง แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายประจำวันของครอบครัวแล้วก็ถือว่าเงินที่ได้น้อยนิด ดังนั้นจะเชื่อว่าเงินที่ได้ใช้แก้ความยากจนได้หรือ ที่ผมเขียนอย่างนี้ใช่ว่าผมจะดูหมิ่นพี่น้องชาวอีสานก็หาไม่ หากแต่ต้องการจะเขียนเชิงวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจริงว่าอะไรเป็นอะไร ผมสงสัยจริงๆ ว่ากระบวนการซื้อสิทธิ- ขายเสียงที่เกิดขึ้นในภาคอีสานเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะมีอิทธิพลเปลี่ยนทัศนคติโลกทัศน์ และระบบคุณค่าของพี่น้องชาวอีสานได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ จากการอ่านหนังสือเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาบ้าง ทำให้ผมหวนคิดถึงระบบวรรณะในประเทศอินเดียซึ่งจนถึงปัจจุบันในความเป็นจริงมีอยู่ 4 วรรณะ โดยเรียงอำนาจทางสังคมจากสูงไปหาต่ำคือ พราหมณ์ – กษัตริย์ – แพศย์ – ศูทร ส่วนคนจัณฑาลนั้นในสังคมฮินดูถือว่าไม่มีวรรณะ เป็นคนก็จริงแต่นับว่าเป็นคนที่ไม่มีคุณค่าอะไรทั้งสิ้น ระบบวรรณะเป็นระบบปิด คือ คนวรรณะอื่นไม่อาจข้ามวรรณะเข้ามาปะปนได้ พราหมณาจารย์ในอดีตคิดค้นกลไกทางสังคมให้คนในวรรณะใดต้องอยู่ในวรรณะนั้นตลอดไปหลายร้อยหลายพันปีแล้ว ทั้งนี้เพื่อความสงบและมั่นคงของสังคม ดังนั้นคนแต่ละวรรณะจึงต้องนึกถึงอำนาจ ศักดิ์ศรี หรือความต่ำต้อยของตนเอง คนวรรณะต่ำ เช่น พวกศูทรหรือพวกจัณฑาลซึ่งไม่มีวรรณะเชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่อย่างไม่มีอะไรทำให้เสื่อมคลายได้ พราหมณาจารย์สอนว่าพวกเขาถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์พิพากษาในอดีตชาติว่าเป็นผู้มีกรรมจนไม่อาจแก้ไขด้วยวิธีอื่นใด หากแต่ต้องอดทนใช้กรรมชาติแล้วชาติเล่าอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้รับรางวัลตอบแทน โดยการขยับสถานะทางวรรณะให้สูงขึ้นในชาติต่อๆ ไป ด้วยเหตุนี้คนยากจนและคนจัณฑาลจำนวนมหาศาลจึงหันหลังให้กับการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ เพราะเชื่อว่ารางวัลตอบแทนแก่ชีวิตในชาติหน้าย่อมสำคัญกว่าข้อเรียกร้องทางการเมืองอย่างแน่นอน (เอกสารเรื่องนี้หาอ่านได้จาก Barrington Moore, Jr. Social Origins of Dictatorship and Democracy, 1972 ) ย้อนกลับมาเรื่องของภาคอีสาน เพื่อเปรียบเทียบกันบ้าง หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเขียนโดย ดร.พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว อดีตรองศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เสียชีวิตหลายปีแล้ว) เขาเขียนขึ้นจากผลการตรวจสอบข้อมูลจำนวนมากในภาคอีสาน พบว่าคนภาคนี้เชื่อกันมานานแสนนานแล้ว ในเรื่องโครงสร้างอำนาจรูปลักษณ์สามเหลี่ยมปลายแหลมตั้ง โดยที่ยอดแหลมนั้นเป็นสถานะของผู้มีบุญบารมี มีอำนาจในการปกครองสังคม สถานะรองลงมาได้แก่ผู้อุดมด้วยทรัพย์สมบัติ จนกระทั่งผู้มีสถานะต่ำสุดในสังคมอยู่ที่ฐานของสามเหลี่ยม เขาเหล่านี้มีจำนวนมากเป็นผู้ใช้แรงงานทำมาหากิน เป็นผู้รับใช้ของคนสถานะที่สูงๆ ขึ้นไป ดังนั้นถ้าผู้จงรักภักดีได้รับเงิน หรือทรัพย์อื่นใดจากผู้มีบุญบารมี ถือว่าเขาได้รับความเมตตาจากผู้มีอำนาจแล้ว ทั้งนี้โดยไม่แยกว่าผู้มีเงินนั้นเป็นนักการเมือง หรือข้าราชการ (เอกสารเล่มนี้ ดร.พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว เขียนขึ้นในโอกาสครบรอบ 55 ปี ของสมาคมชาวอีสาน, 2534 ,643 หน้า) ข้อมูลที่ผมอ้างนี้เป็นผลจากการวิจัยของผู้เขียนชาวอีสาน แต่นักการเมือง ไม่ค่อยรู้เรื่องหรือรู้แต่นักการเมืองเอง อาจเห็นว่าตัวเองได้ประโยชน์เพราะความเชื่อนั้น ส่วนพี่น้องภาคอีสานรับเงินจากนักการเมือง เพราะเขาเชื่อว่าคนพวกนี้มีบารมีและมีทรัพย์มากมาย จึงถือเป็นบุญของคนยากจนเช่นเขาพึงจะได้รับ ผมหวังว่าข้อเขียนนี้จะมีปฏิกิริยาทั้งด้านลบและด้านบวกจากผู้อ่าน
| | | | | | | | | | | จำนวนคนอ่าน 638 คน | จำนวนคนโหวต 3 คน | | | | | | | |
|
|
| | | ให้ความรู้พอสมควรครับแม้จะไม่จริงไปเสียทั้งหมดก็ตาม งั้นผมขอวิเคราะห์การซื้อเสียงในภาคใต้ล่ะกันน่ะครับ เลือกตั้งใหญ่ไม่นับครับเพราะพรรคใหญ่ส่งหุ่นไล่กาลงสมัครยังงัยก็ได้รับเลือก กรุณาอย่าเถียงว่าคนใต้ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยเฉพาะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพียงแต่รูปแบบจะแตกต่างกันโดยอาจจะแค่จัดเลี้ยง เลี้ยงเหล้า หรือทำอะไรให้ดูว่าใจนักเลงอะไรแบบนั้นแล้วล่ะก็ใช่เลยครับ โดนใจคนใต้อย่างแรง แต่ที่แตกต่างกับคนอีสานหรืออาจจะเหมือนกันก็ไม่ทราบคือ มีเงินมาก็รับครับแต่ไปกาคนอื่นที่ตนชอบแล้วก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรครับเพราะคนผิดคือคนแจกเงินต่างหาก เป็นงัยครับความหัวหมอของคนใต้แต่ก็ชอบธรรมน่ะ คนเล็กอยากใหญ่ | | |
|
|
| | | ผมเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสำนึกหมู่พวกและเครือข่ายทางสังคมของคนอีสาน เมื่อใดที่คุณเข้าถึงเรื่องนี้ได้ คุณก็ได้คะแนนจากพวกเขา
ที่ผ่านมาคนที่เขานับว่าเป็นหมู่พวก คือคนที่เขาพึ่งได้ เพราะคนอีสานถูกดูถูกและยากจนมานาน เขาหวังพึ่งคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาช่วยเขา สำนึกแบบพลเมืองอย่างคนในเมืองจึงไม่เกิด
ส่วนเครือข่ายทางสังคมของคนอีสานยังหนาแน่นมาก แม้จะไปอยู่ต่างถิ่นต่างที่ นักการเมืองที่เข้าถึงเครือข่ายของเขาก็ได้คะแนนไปไม่ยาก แต่คุณต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นที่พึ่งให้เขาได้จริง
ทักษิณใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนอีสานผ่านความเป็นหมู่พวกและเครือข่ายทางสังคม และปลุกระดมว่าคนอีสานมีพลังที่จะกำหนดว่ารัฐบาลจะมาจากพรรคไหนก็ได้ที่คนอีสานพร้อมใจกันเลือก ตรงนี้ทำให้คนอีสานเกิดสำนึกแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สำนึกว่าหมู่พวกอีสานมีพลังมหาศาลในการกำหนดอำนาจของบ้านเมือง
คนอีสานในท้องถิ่นต้องการให้เงินไปถึงพวกเขาบ้าง เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจและมองข้ามพวกเขาไปตลอด
วิธีแก้ปัญหาไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย อย่างที่นายกอภิสิทธิ์ทำก็เป็นทางหนึ่ง นายกต้องลงไปคลุกคลีและรับรู้ปัญหาของคนอีสานและต้องเป็นที่พึ่งของเขาให้ได้เป็นอันดับแรก แล้วจึงเปิดโอกาสใ้ห้เขาเรียนรู้การแก้ปัญหาท้องถิ่นจากความสำเร็จของท้องถิ่นอื่นในอีสานกันเอง เพื่อให้เขาเห็นถึงศักยภาพของตนเอง จะได้ลดความคิดพึ่งคนอื่นโดยเฉพาะนักการเมืองให้น้อยลง
องค์กรต่างๆ และคนชั้นกลางในเมืองต้องไปร่วมกับคนอีสานในการทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ต่ำต้อย ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้เป็นคนไทยชั้นสอง
ทำกันได้ไหมล่ะ ถ้าทำได้ ต่อให้สิบทักษิณก็ซื้อเสียงคนอีสานไม่ได้อีกต่อไป ทิวลิปดำ | | |
|
|
| | | ค่านิยมเรื่องตกเขียว นิยมสะใภ้ฝรั่ง ก็สะท้อนอะไรได้หลายอย่างของคนในภาคนี้ หนุ่ม | | |
|
|
| | | Not only not deep enough but way way too shallow. We don't wanna know the problem, we want the way/solution to solve it. Can you think of 1 or 2 ? csuwann, Hampton 30228 | | |
|
|
| | | ผมขอแปล แบบบ้านๆ คือ คนพื้นถิ่นอีสาน ชอบเป็นขี้ข้า ผู้มีอำนาจบารมี แม้ผลตอบแทนจะเพียงเล็กน้อย แต่ ศักดิ์ศรีนั้นมากนัก
แปลแบบบ้านๆ อีกที คือ ชอบมีเส้น เป็นเด็กคนนั้นคนนี้ ไม่มีปัญญา ชูหัวบนคอตัวเอง แต่ชอบเอาหัวไปให้คนมีอำนาจบารมีเหยียบ
แปลแบบบ้านๆ อีกแบบ คือ ไม่ชอบยืนบนขาตัวเอง แต่ ชอบให้อุ้ม !! | | |
|
|
| | | เห็นด้วย เรื่องซื้อเสียง ชาวอีสานมีพื้นเพวัฒนธรรมความป็นอยู่แบบญาติพี่น้องช่วยเหลือกันผมว่าลองหา vcd เรื่อง ลูกอีสาน มาดูนะ คำตอบอยู่ในนั้นครับ คนไทอีสาน | | |
|
|
| | | ภาคใต้ก็ไม่แตกต่างกัน คนตรัง | | |
|
|
| | | ซื้อยากก็ใช้วิธีเล่นพนัน แต่เขาไม่ให้เดิมพันคนละมากๆ คิดแล้วเราได้กำไรคนละหนึ่งพัน 666 | | |
|
|
| | | ก่อนนั้นพปช.ซื้อหลังคาละ1000 บ.บ้านเมืองถึงวุ่นวายจนถึงเดี่ยวนี้.................................... ตรงๆ | | |
|
|
| | | ยังจำได้ว่าการเมืองในต่างจังหวัดแต่ก่อนเขาเลือกพวกที่ทำประโยชน์ให้แก่ท้องถิ่น เช่น ครู หมอ ส่วนเรื่องการซื้อขายเสียงนั้น นับวันจะเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น จำได้ว่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้วมีนักการเมืองคนหนึ่งเขียนเล่าว่าตอนนั้นแค่แจกปลาเค็มให้คนละชิ้นเท่านั้นเอง แล้วต่อมาก็มีคนแจกรองเท้า 1 คู่ ก่อนเลือกตั้งเอารองเท้าไปข้างหนึ่งก่อน เมื่อชนะเลือกตั้งแล้วก็ไปเอาอีกข้างหนึ่ง หลังสุดราคาซื้อเสียงขึ้นไปถึงเสียงละพัน แล้วซื้อกันยกบ้าน ไม่ใช่ซื้อกันทีละคน ไม่รู้ว่าถึงขณะนี้ซื้อกันยกหมู่บ้าน ยกตำบลกันหรือยัง พวกคนที่มาทำงานรับใช้ตามบ้านในกรุงเทพไม่ต้องกลับบ้านไปเจรจาเรื่องซื้อขายเสียง มีคนจัดการให้เสร็จเรียบร้อย เรื่องซื้อขายเสียงนั้น แม้แต่ชาวต่างประเทศที่มาทำธุรกิจในไทยยังรู้ว่าดำเนินไปอย่างกว้างขวาง วัฒนา | | |
|
|
| | | ถ้าขายเสียงแล้วยังไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น แสดงว่าคนที่เลือกเขายังโง่ นะสิ โง่ในที่นี้ คือ เขายังไม่รู้การเมืองอย่างลึกซึ้ง ใครว่ายังไงก็เชื่อเขาหมด คล้อยตามกัน ใครว่าวัวก็วัว ใครว่าควายก็ควาย ปล่อยให้เขาจูงจมูกอยู่ได้ อีก 10 ปี ข้างหน้า การเมืองไทยคงดีขึ้น ให้คนยุคเก่าหายไปก่อน เพราะเด็กยุคใหม่มีความรู้การเมืองมากขึ้น ชาย | | |
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความคิดเห็น | 1. | โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ | | | 2. | ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ | | | 3. | ทีมงานเว็บมาสเตอร์ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น | | | 4. | เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามกฎกติกาที่วางไว้ ทางผู้จัดการออนไลน์ได้ปรับปรุงระบบการกรองคำให้เข้มงวดยิ่งขึ้น กรุณารอสักครู่ ก่อนที่ความคิดเห็นของท่านจะถูกนำขึ้นแสดง | | | | | | | | | | เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามกฎกติกาที่วางไว้ ทางผู้จัดการออนไลน์ได้ปรับปรุงระบบการกรองคำให้เข้มงวดยิ่งขึ้น กรุณารอสักครู่ ก่อนที่ความคิดเห็นของท่านจะถูกนำขึ้นแสดง | | | | | | |
Hotmail: Powerful Free email with security by Microsoft.
Get it now.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น