“น้ำชี” (ความจริงน่าจะเป็น "น้ำมูน") เอ่อท่วม “คอโค” เมืองช้างอ่วม - นาข้าวหอมฯ 2,000 ไร่ จมบาดาล

on วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

 
เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลที่นับถือ.
 
            ผมพยายามส่งข่าวเกี่ยวกับเขื่อนต่างๆในภาคอีสาน และข่าวผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำแล้ง
 
อันเนื่องมาจากสภาพของเขื่อน(ประสิทธิภาพ)ในการกักเก็บร้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำในช่วงต่างๆ
 
ดังเป็นข่าวอยู่บ่อยๆในหน้าฝนว่า น้ำทะลักจากเขื่อน ลำปาว/หรือเขื่อน ลำพระเพลิง (๒ เขื่อนดังที่กำลัง
 
ทำการซ่อมและกำลังจะซ่อมกันด้วยงบประมาณมหาศาล) เพื่อให้เก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นอีก ๕๐๐ ล้าน ลบ.ม.
 
ด้วยงบประมาณสูงถึง ๑,๘๒๐ ล้านบาท/หรือตก = ๑,๘๒๐/๕๐๐ = ๓.๖๔ ล้านบาท/๑ ลบ.ม.
 
(สำหรับโครงการปรับปรุงเขื่อน ลำปาว) ถามว่าสูงไปไหม? ตอบว่า งบประมาณจำนวนนี้ ถ้านำไปก่อสร้าง
 
ประปาหมู่บ้านมาตรฐานจะก่อสร้างได้ถึง ๕๐๐ หมู่บ้านครับ./หมู่บ้านละประมาณ ๓.๕ ล้านบาท น่าจะได้
 
ประโยชน์ถึงพี่น้องเกษตรกร/ชาวนามากกว่า ส่วนเขื่อน ลำพระเพลิงนั้น ก็จะใช้งบประมาณอีกถึง ๑,๒๐๐
 
ล้าน บาท ปรับปรุงเขื่อนให้เก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้นอีกเพียง ๕๐ ล้าน ลบ.ม./หรือตก = ๑,๒๐๐/๕๐ = ๒๔
 
ล้าน บาท/๑ ลบ.ม. และถ้านำเงินงบประมาณจำนวนนี้ไปก่อสร้างประปาหมู่บ้าน จะก้อสร้างได้ถึง
 
= ๑,๒๐๐/๓.๕ = ๓๔๓ แห่ง
 
           ความจริง ครม.สัญจรได้อนุมัติเงินงบประมาณสำหรับก่อสร้างปรับปรุงสันเขื่อนลำปาวตามข่างถึง
 
๓,๐๐๐ ล้าน บาท บวกกับงบประมาณก่อสร้างปรับปรุงสันเขื่อน ลำพระเพลิง อีกจำนวน ๑.๒๐๐ ล้านบาท
 
รวมกันเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้นถึง ๔,๒๐๐ ล้าน บาท หากคุณอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สนใจ
 
และหาเงินจำนวนเท่านั้น ไปทำโครงการ ไทยเข้มแข็ง โดยทำเป็น โครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ
 
และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ของรัฐมนตรีคุณหญิงกัลยา โสภณพานิชย์ รับผิดชอบนำไปทำโครงการ
 
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร/ชาวนา ซึ่งถูกผลกระทบน้ำท่วม จากเขื่อน ลำปาว เขื่อน ลำพระเพลิง เขื่อน
 
ราษ๊ไศลเขื่อนปากมูล และอีก ๑๓ เขื่อน (ฝาย) ของโครงการโขง ชี มูล ใช้เงินเพียง โครงการละ
 
๕๐,๐๐๐.-บาท สำหรับเกษตรกรที่มีที่นาทำกินน้อง ๑๐ - ๑๕ ไร่. เกษตรกร/ชาวนาก็จะมีสระเก็บ
 
กักน้ำได้สระละ ๗,๐๐๐ - ๙,๐๐๐ ลบ.ม.เพื่อปรับจากทำนาอย่างเดียวมาเป็นแปลงเกษตร
 
 " ทฤษฎีใหม่" ได้เป็นจำนวนถึง = ๔,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐/๕๐,๐๐๐ = ๘๔,๐๐๐๐ แปลง นั่นก็คือจะ
 
สามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง (ปัญหาความยากจน) ให้เกษตรกร/ชาวนาได้ ถึง ๘๔,๐๐๐
 
ครัวเรือน คิดเป็รจำนวนประชากรโดยรวมได้ถึง = ๘๔,๐๐๐x๔ = ๓๓๖,๐๐๐ คน นี่คือโครงการไทย
 
เข้มแข็งที่จะถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง อย่างน้องก็เป็นการสร้างงานช่วงก่อสร้าง และสร้างงานอย่าง
 
ถาวรให้แรงแรงในคร้วเรือนๆละ ๒ คน จะเป็นจำนวนคนที่มีงานทำตลอดปีถึง = ๘๔,๐๐๐x๒ =
 
๑๖๘,๐๐๐ คน ข้อดีอีกประการคือ ก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว ภายในฝนหน้า ความเดือดร้อน น้ำท่วม
 
 น้ำแล้งก็จะหมดไป และรัฐก็ไม่ต้องไปควักเงินงบประมาณออกมาช่วยเหลือ แบบตกๆ หล่นๆ อีกต่อไป
 
และข่าวแบบไม่ตรงความจริงนี้ก็จะหมดไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ (ความจริงน่าจะเป็น "น้ำมูน ครับ.)
 
น้ำชีนั้นจะไหลไปเชื่อมแม่น้ำมูล ที่อำเภอวารินชำราย จ.อุบลราชธานีโน่นครับ จะไปส้งผลกระทบบริ
 
เวณเหนือเขื่อนปากมูล และเหนือขึ้นมาบริเวณปากน้ำปาวเชื่อนแม่น้ำชี ที่อำเภอธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ดครับ.
 
          ลูกหลานที่เข้ามาอ่านพบข้อมูลนี้ได้โปรดช่วยพิมพ์เอาไปให้คุณลุง คุณป้า คุณน้าคุณอาว์ และ
 
คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านด้วย เพื่อท่านจะได้แนวคิดในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ โดยเฉพาะ พี่น้อง
 
เกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราไศล จะได้คิดพื่งตนเองไปพร้อมๆกับการชุมนุมครับ.
 
ตราบไดที่พวกเรายังไม่มีการเมืองไหม่ คงจะต้อวยึดสภาษิตที่ว่า " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" นะครับ.
 
           อนึ่งสื่อกรุณาเชคข่าวให้ดีด้วยนะครับ ระวังคนลุ่มน้ำ ชี เขาจะแห่กันขึ้นมาประท้วง
 
ที่หน้าสำนักงานนะครับ นี่ยังโขคดี ที่พี่น้องเกษตรกร/ชาวนาบริเวณ ลุ่มน้ำชี ก็ถูกผลกระทบน้ำ
 
จากเขื่อนไหลทะลังลงมาท่วมเช่นกันเหตุการๆชุมนุมจึงยังไม่เกิดขึ้นนะครับ.
 
               ด้วยจิตรคารวะ
 
       ประชุม สุริยามาศ. วย.๗๗๗
 
หมายเหตุ งบไทยเข้มแข็งของกรมชลประทาน ๗๐,๐๐๐ ล้าน บาทเศษนั้นส่วนใหญ่จะนำไปทำ
 
           โครงการขนาดใหญ่ ข้อมูลจากเว็บไซ๊ด์ไทยเข้มแข็ง พบว่า กำลังดำเนินการ กว่าจะริ่มได้
 
           รัฐบาลนี้จะยังอยู่หรือเปล่าไม่ทราบ.(ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือโครงการปรับปรุงสัน
 
           เขื่อนลำปาว ครม.สัญจรอนุมัติงบประมารไปเมื่อปี ๒๕๔๘ เพิ่งมาเริ่มก่อสร้างได้เมื่อ
 
           ปลายปี ๒๕๕๐จะไปแล้วเสร็จเอาโน่น ต้นปี ๒๕๕๔ ครับ)และกระทรวงมรัพยากรธรรม
 
           ชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะนำงบมหาศาล ไปทำโครงการผันน้ำโขง ถามว่า เมื่อไหร่ครับ
 
          ไทยจึงจะเข้มแข็งและจะเอาน้ำที่ผันเข้ามาได้นั้นไปเก็บกักไว้ในเขื่อนไหน? ครับ ระวังน้ำ
 
           ที่ผันเข้ามานั้นจะไปซ้ำเติมพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนซึ่งพวกเขายังชุมนุม
 
          เรียกร้องให้เปิดประตูเขื่อนราษีไศล และเขื่อนปากมูงกันอยู่นะครับ/หรือว่า
 
          " ประชาชนต้องมาทีหลัง" กันแน่ครับท่าน นายกฯ ครับ.
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

"น้ำชี" เอ่อท่วม "คอโค" เมืองช้างอ่วม - นาข้าวหอมฯ 2,000 ไร่ จมบาดาล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2552 20:22 น.
สุรินทร์ - แม่น้ำชี หนุนสูงเอ่อทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์ เดือดร้อนหนักกว่า 50 หลังคา ต้องหนีน้ำพากันมาอาศัยบนถนน ส่วนนาข้าวหอมมะลิที่กำลังตั้งท้องออกรวงจมใต้น้ำแล้วกว่า 2,000 ไร่ ด้านผู้ว่าฯ พร้อมเหล่ากาชาดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าช่วยเหลือด่วนแล้ว
       
       วันนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สุรินทร์ ว่า ล่าสุด น้ำจากแม่น้ำชีได้หนุนสูงเอ่อไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนทางเข้าหมู่บ้าน และ ไร่นา ของประชาชนบ้านโคก ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ ระดับน้ำสูง 70 เมตร ทำให้ล่าสุดบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมอย่างหนักแล้วกว่า 50 หลังคาเรือน ต้องขนพากันขนย้ายทรัพย์สินมีค่าและสิ่งของจำเป็นมาตั้งเต็นท์อาศัยอยู่บนถนนในที่สูง
       
       ขณะที่นาข้าวหอมมะลิของเกษตรกรตามริมฝั่งแม่น้ำชีในเขต ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ ถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างกว่า 2,000 ไร่ และระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
       
       ทางด้าน นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ นายวิเชียร จันทรโณทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, พล.ต.เสน่ห์ ทองคำใส ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์, นายอำนวย จันทรัตน์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนประสบภัยน้ำท่วมในเขต ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์ดังกล่าวเป็นการด่วน และนำเครื่องอุปโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค ไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 50 ครัวเรือน กว่า 557 คน
       
       นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ต้องการความช่วยเหลือจากทางจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งผ่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ตลอดเวลา ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมจะประสานหน่วยงานต่างๆ เข้าช่วยเหลือ เช่นประสานหน่วยงานทหารเข้ามาช่วยเหลือในการขนย้ายทรัพย์สินต่างๆ หากระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


     
แม่น้ำชี(น่าจะเป็นแม่น้ำมูน) หนุนสูงเอ่อทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์เดือดร้อนหนักว่า 50 หลังคา ต้องหนีน้ำพากันมาอาศัยบนถนน วันนี้ ( 7 ต.ค.)
     
ผู้ว่าฯสุรินทร์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าช่วยเหลือด่วน
     
   



Hotmail: Trusted email with Microsoft's powerful SPAM protection. Sign up now.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น