ตำนานโคตรโกง 2.3 หมื่นล้าน ทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน วิบากกรรม“สุวัจน์”ในมือ ป.ป.ช.

on วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

 

ตำนานโคตรโกง 2.3 หมื่นล้าน ทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน วิบากกรรม"สุวัจน์"ในมือ ป.ป.ช.

เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลที่นับถือ.
 
               ผมได้ร้อยเรียงมาให้อ่านกันครับ.
 
                           ด้วยจืตรคารวะ
 
                   ประชุม สุริยามาศ. วย.๗๗๗
 
 
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

 
 
 
10 ตุลาคม 2552 08:34 น.
 
 
 
 
งามหน้า! สนามซีเกมส์โคราช 2.2 พันล้านจมบาดาล - แฉมรดกบาป "สุวัจน์-แม้ว" ผลาญงบ สร้างทับอ่างเก็บน้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2552 18:01 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 หรือ สนามกีฬาเมืองหลัก 333 ปี จ.นครราชสีมา ใช้จัดแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 24 อยู่ในสภาพจมบาดาลใช้การไม่ได้ วันนี้ (2 ต.ค.)








ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – พายุกิสนา! ถล่มโคราชฝนตก 2 วัน 2 คืน พ่นพิษท่วมสนามกีฬาซีเกมส์ 2.2 พันล้าน สนามเทนนิส-สนามซ้อมฟุตบอล-ลู่วิ่ง-ถนนจมบาดาลใช้งานไม่ได้ ต้องระดมสูบน้ำทั้งวันทั้งคืน ขณะงานแข่ง "ฮอนด้า แจ๊ซ" ต้องเลื่อน พร้อมขนของออกโกลาหล แฉ "สุวัจน์-แม้ว" ทิ้งมรดกบาปดื้อผลาญงบ สร้างทับอ่างเก็บน้ำ ปชช.รอบสนามรับกรรม น้ำทะลักท่วมซ้ำซาก
       
       วันนี้ (2 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกหนักต่อเนื่องนาน 2 วัน 2 คืน จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันกิสนา พัดผ่าน ส่งผลให้หลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือน ไร่นา ถนน และสถานที่ต่างๆ สูงประมาณ 40-60 เซนติเมตร (ซม.) โดยเฉพาะที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือ สนามกีฬาเมืองหลัก 333 ปี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสนามจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ปี 2550 น้ำได้เอ่อเข้าท่วมสนามเทนนิสทั้ง 9 สนาม รวมทั้งสนามฝึกซ้อมฟุตบอล 2 สนาม, สนามฟุตซอล ลู่วิ่ง และ ถนนภายในสนามกีฬา ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ โดยมีระดับน้ำสูงกว่า 30 ซม.รถยนต์เล็กไม่สามารถสัญจรเข้าไปภายในสนามกีฬาได้
       
       นายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งนำกระสอบทรายมาทำเป็นคันกั้นน้ำ พร้อมทั้งประสานขอความช่วยเหลือไปยังสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจำนวน 2 เครื่อง มาทำการสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากสนามกีฬาตลอดทั้งวันทั้งคืน
       
       ปัญหาน้ำท่วมสนามกีฬาดังกล่าว ทำให้ บริษัท ฮอนด้า ประเทศไทย จำกัด ซึ่งมีกำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย จัดการแข่งขันรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ในวันเช้าวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) ไม่สามารถทำการแข่งขันได้ ต้องใช้รถบรรทุกเร่งลำเลียงรถยนต์เล็ก เครื่องมือ อุปกรณ์ ในการจัดงานแข่งขันต่างๆ ออกจากสนามกีฬาอย่างโกลาหล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ภายในสนามกีฬา ยังไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับเดือดร้อนประชาชนอีกหลายสิบครัวเรือน
       
       สำหรับ "สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550" ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มูลค่ากว่า 2.2 พันล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นโครงการสนามกีฬาเมืองหลักของภาคตะวันนออกเฉียงเหนือ ที่ผลักดันงบประมาณก่อสร้างโดยกลุ่มนักการเมือง ของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มลงมือก่อสร้าง 18 มี.ค.2548 กำหนดแล้วเสร็จ 15 มิ.ย.2550 เพื่อใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันหลักของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ระหว่าง 6-15 ธ.ค.2550 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และ จ.นครราชสีมา เป็นเมืองหลักในการจัดการแข่งขัน
       
       อย่างไรก็ตาม สนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และ ผลาญงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมากดังกล่าว ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทั้งบริเวณภายในสนามกีฬา และ บ้านเรือนประชาชนบริเวณโดยรอบมาตลอดทุกปีหรือทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก เนื่องจากสถานที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่ต่ำ และทำการก่อสร้างทับอ่างเก็บน้ำเถกิงพล เดิม โดยไม่ยอมรับฟังเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ขณะที่ประชาชนกว่า 100 หลังคาเรือน ใน 3 หมู่บ้าน ของ ต. หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย หมู่ 2 บ้านหนองตะลุมปุ๊กเก่า, หมู่ 8 บ้านหนองตาคง และหมู่ 10 บ้านหนองตะลุมปุ๊กใหม่ ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำไหลทะลักเข้าท่วมตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 ซม.ประชาชนต้องพากันขนสิ่งของขึ้นไว้ในที่สูง พร้อมนำถุงบรรจุทรายมากั้นน้ำไว้ไม่ให้น้ำไหลทะลักไปในตัวบ้าน
       
       ด้าน พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 2 ได้ระดมกำลัง พร้อมเครื่องจักร อุปกรณ์ เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนแล้ว ซึ่งจากรายงานล่าสุดทราบว่า ภาคอีสานมีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 46 อำเภอ ได้แก่ จ.ศรีสะเกษ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 19 อำเภอ 137 ตำบล 1,192 หมู่บ้าน 67,673 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 164,643 ไร่
       
       จ.อุบลราชธานี ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 23 อำเภอ (ยกเว้น อ. เขื่องใน และ อ.บุญฑริก ) 118 ตำบล 2 เทศบาล 890 หมู่บ้าน 34,792 ครัวเรือน ถนนได้รับความเสียหาย 236 สาย สะพาน 7 แห่ง ท่อระบายน้ำ 33 แห่ง บ่อปลา 36 บ่อ พื้นที่การเกษตร 23,617 ไร่ และ จ.เลย บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 4 อำเภอ คือ อ.ภูหลวง 144 ครัวเรือน อ.วังสะพุง 80 ครัวเรือน อ.เชียงคาน 340 ครัวเรือน และ อ.ปากชม 4 ครัวเรือน
       
       "หากได้รับการร้องขอเข้ามาอีก ทางกองทัพภาคที่ 2 พร้อมจะส่งกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักร อุปกรณ์ ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ได้ตลอดเวลา" พล.ท.วีร์วลิต กล่าว


 
 
 
 
 
 
 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ


เดือนมิถุนายน 2553 คดีสำคัญซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นตำนานโคตรโกงของเมืองไทย จะหมดอายุความ "คดีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน" มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกิดมาตั้งแต่ปี 2538
       
       จะมีอายุความครบ 15 ปี ที่ทางการจะสามารถดำเนินคดีกับ ขบวนการที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับแผ่นดิน
       
       ซึ่งยังมี "ตัวการ" สำคัญที่ลอยนวลอยู่โดยยังไม่ถูกดำเนินคดี แม้จะมี"อดีตรัฐมนตรี" ผู้เกี่ยวข้องกับปมทุจริตเสียชีวิต 1 คน และหนีคุกออกนอกประเทศไป 1 คน ก็ตามที
       
       แต่...การติดตามเพื่อจับผู้ร่วมขบวนการที่เหลือยังคงค้างคาอยู่ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งมีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบอร์ดมือปราบข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองทุจริต ที่น่าเชื่อถือที่สุดชุดหนึ่งนับตั้งแต่มี ป.ป.ช.
       
       ทว่า ... ผลการพิจารณาบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กลับเงียบหาย และรอวันหมดอายุความอย่างสุ่มเสี่ยงว่า กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบอาจจะต้องตอบคำถามถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ !!
       
       ... ย้อนรอยกลับไปเมื่อปี 2538 ...
       
       โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียรวมแห่งแรกของประเทศไทย ริเริ่มโดย นายยิ่งพันธุ์ มนะสิการ อดีตรัฐมนตรีว่าการผู้ล่วงลับเป็นผู้ลงนามสัญญารับเหมาก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 1,900 ไร่ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีต รมช.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชงโครงการมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาทดังกล่าวให้ และ "เจ้าพ่อปากน้ำ" นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ขณะนั้น ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่กำกับกรมที่ดิน ออกโฉนดทับที่สาธารณะเพื่อนำที่ดินขายทำโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย
       
       ในปี 2546 "รัฐบาลทักษิณ 1" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ขณะนั้นเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตขึ้นมา โดยมอบให้ พล.ต.ท.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะนั้น เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนพบว่า คดีนี้มีมูลจึงมอบให้ นายอภิชัย ชวเจริญพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ขณะนั้นดำเนินการ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ไปเมื่อวันที่ 18 มี.ค.46 ต่อมาวันที่ 4 พ.ย.46 พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้ป.ป.ช. ดำเนินคดี
       
       และเมื่อวันที่ 12 มี.ค.47 นายประพัฒน์ ตอกตะปูปิดฝาโลง ดับอนาคตนักการเมืองทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นคีย์แมนการเมืองพัวพันข้อกล่าวหาทุจริตด้วยการสั่งให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อป.ป.ช. อีกทางหนึ่ง แต่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. นายยิ่งพันธ์ ป่วยและเสียชีวิตลง ทิ้งให้นายสุวัจน์ และนายวัฒนา เผชิญชะตากรรมแก้ข้อกล่าวหา ต่อมาป.ป.ช. กลับสรุปเสนออัยการสูงสุดส่งฟ้องนายวัฒนา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงลำพัง !!
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 ส.ค.51 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมี ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ อดีตรองประธานศาลฎีกาเป็นเจ้าของสำนวนพิพากษาลงโทษจำคุกนายวัฒนา อัศวเหม เป็นเวลา 10 ปี และปัจจุบันเป็นที่ทราบว่า นายวัฒนา หลบหนีโดยมีกระแสข่าวว่าเจ้าพ่อปากน้ำซุกซ่อนอยู่ในกาสิโนส่วนตัวในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกำลังมีข้อพิพาทด้านเขตแดนกับประเทศไทย
       
       ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.52 ศาลจังหวัดดุสิต ต้องออกหมายจับนายวัฒนา เพราะหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1. กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี 2.บริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 4.บริษัทประยูรวิศว์การช่าง 5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัทประยูรวิศว์การช่าง 6.บริษัทสี่แสงการโยธา(1979) 7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัทสี่แสงการโยธา 8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์ 10.บริษัทเกตเวย์ ดิเวลลอปเมนท์ 11.นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัทเกตเวย์ ดิเวลลอปเมนท์ 12. บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ 13. นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ 17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงที่ดิน และฉ้อโกง กรณีร่วมกันทุจริตจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นคลอง ถนนสาธารณะ และป่าชายเลน ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
       
       ปมที่ยังค้างคาก็คือ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากการสอบสวนของดีเอสไอ และ ป.ป.ช. มีการชี้มูลถึงนายสุวัจน์ ว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เฉกเช่นเดียวกับนายวัฒนา และนายยิ่งพันธ์ เพราะนายสุวัจน์ เป็นผู้ลงนามในการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 38 เพื่อให้กรมควบคุมมลพิษ ตกลงกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ในการจัดทำรายละเอียดแผนการใช้เงิน และสัดส่วนของแหล่งเงินจากต่างประเทศ และนายสุวัจน์ ยังเป็นผู้นำโครงการเข้าที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.38 เพื่อให้อนุมัติงบประมาณโครงการ โดยให้ทำสัญญาการว่าจ้างเป็นแบบเหมารวม ที่ผู้ประกวดราคาต้องทำการซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย
       
       และนายวัฒนา ก็เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดหาที่ดินคลองด่านขาย ซึ่งจุดนี้ทำให้นายวัฒนา ถูกศาลพิพากษาโทษจำคุก 10 ปี เพราะเป็นเจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินมอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นแก่ตนเอง หรือผู้อื่น และใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยทุจริต
       
       แต่จนบัดนี้ผลการชี้มูลความผิดนายสุวัจน์ ซึ่งข้อเท็จจริงเกี่ยวพันเป็นผู้ชงโครงการ และตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ ป.ป.ช.ยังไม่ยุติมีความเห็นสั่งคดี !!
       

       กรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันซึ่งดูแลคดีคลองด่านก็คือ นายวิชัย วิวิตเสวี จะมีความเห็นลงมติผลการสอบสวนคดีนี้อย่างไร เพราะนับจากนี้ไปจนถึงเดือนมิ.ย.53 จะเป็นวันสิ้นสุดอายุความ 15 ปี ตามที่ว่ามาข้างต้น
       
       นายวิชัย จะมีมติชี้มูลกับผู้ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ชงโครงการ ซึ่งก่อให้เกิดการทุจริตมโหฬาร...หรือไม่ !!
       
       หรือจะปล่อยให้ตำนานคดีโคตรโกงปิดลงด้วยความตายของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง กับรัฐมนตรีอีกคนที่ตายทั้งเป็น แม้จะหลบหนีไปนอนบนฟูก เสพสุขสบายโดยไม่อาจเข้าไปคว้าตัวเพื่อมาเข้าปิ้งรับโทษทัณฑ์จริง โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ลอยนวลอยู่สามารถโลดแล่นเป็น "คีย์แมน" การเมืองควบคุมพรรคนอมินี ต่อไปเพราะคดีขาดอายุความ โดยที่เจ้าตัวไม่เคยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ได้รับประโยชน์จากการสอบสวนล่าช้าของป.ป.ช.อย่างนั้นหรือ
       
       วิชัย วิวิตเสวี ป.ป.ช. เจ้าของสำนวน"โคตรโกงคลองด่าน" ต้องมีคำตอบก่อน มิ.ย.53 มาถึง



Hotmail: Trusted email with Microsoft's powerful SPAM protection. Sign up now.

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไอ้รัฐมนตรีขี้โกงลูกไอ้ผู้รับเหมาขี้เรื้อนหลอกคนทั้งประเทศไทย

แสดงความคิดเห็น