“เหลือง-แดง” พะเยาร่วมวงหารือกรอบเสวนาต่างสีก่อนนัดชี้ขาด 19 ต.ค.นี้

on วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

 
เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษ๊ไศลที่นับถือ.
 
           บทความที่น้าสนใจและเป็นนิมิตรหมายอันดีของพี่น้องจังหวัดพะเยา ซึ่งมีเนื้อหาชัดเจนอยูแล้ว
 
ผมไม่ขอวิพากย์วิจารย์อะไร?อีก เพียงแต่อยากให้พวกเราได้อ่านกันเท่านั้นครับ.
 
                           ด้วยจิตรคารวะ
 
                 ประชุม สุริยามาศ. วย.๗๗๗
 
 
 
 
 
 

"เหลือง-แดง" พะเยาร่วมวงหารือกรอบเสวนาต่างสีก่อนนัดชี้ขาด 19 ต.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2552 12:09 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


นายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงาน พธม.พะเยา

นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานแดงพะเยา


พะเยา - สถาบันปวงผญาผยาว ดึงผู้ประสานงาน พธม.-เสื้อแดงเมืองกว๊านฯ ตั้งวงเล็ก ร่วมหาแนวทางเบื้องต้นจัดเวทีเสวนาร่วม ก่อนร่วมพิจารณาตัดสินกรอบการเสวนาอีกครั้ง 19 ต.ค.นี้ ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ย้ำคนไทยต้องยึดมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่เป็นบรรทัดฐานในสังคม ยันพร้อมแลกเปลี่ยน-เจรจาด้วยเหตุและผลเต็มที่ คาดหากทำได้อาจเป็นเวทีแรกของประเทศ
       
       ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพะเยา รายงานความคืบหน้าของการเตรียมจัดเวทีเสวนาของกลุ่มคนเสื้อเหลืองและกลุ่มคนเสื้อแดง จังหวัดพะเยา ว่าเย็นวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ผู้ประสานงานสถาบันปวงผญาผยาว จ.พะเยา โดยนายชัยวัฒน์ จันธิมา, นายมนตรา พงษ์นิล ,นางสาวสหัทยา วิเศษ และ น.ส.ภัทรา บุรารักษ์ ได้เชิญผู้ประสานงาน-ตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ร่วมหารือกัน จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ,นายชยกร สุริยวงศ์, นายชุมพล ลีลานนท์, นายวิทยา พันธุ์ปัญญา และนายบรรเลง เอื้อรักสกุล ที่ร้านกาแฟนอร์บูลิงการ์ คอฟฟี่ เลขที่ 637/2 หมู่ 11 บ้านแท่นดอกไม้ ต.ต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา
       
       วงสนทนาดังกล่าวที่จัดครั้งแรกเป็นการทำความรู้จักระหว่างผู้ประสานงานทั้งสองกลุ่ม ซึ่งบรรยากาศในวงเป็นไปด้วยดี โดยเนื้อหาการสนทนาเบื้องต้นมีการย้อนความถึงอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายของการทำงานการเคลื่อนไหวภาคประชาชน กิจกรรมของกลุ่ม โดยเฉพาะการเปิดใจถึงความรู้สึกในฐานะผู้ประสานงานฯ
       
       ผู้ประสานงานทั้งสอง คือ นายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงาน พธม.พะเยา และนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานแดงพะเยา ต่างยอมรับหลายกิจกรรมที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีถูกใจหรือขัดใจบ้าง ท้ายที่สุดผู้ประสานงานทั้งสองกลุ่มได้แสดงความขอโทษต่อกันถึงกิจกรรมที่ผ่านมา หากมีสิ่งใดไม่น่าประทับใจ ทำให้บรรยากาศการสนทนายิ่งดีมากขึ้น จนถึงช่วงสุดท้ายของการสนทนาผู้ประสานงานทั้งสองได้จับมือแสดงการผูกไมตรีต่อกัน ที่จะร่วมผลักดันเวทีเสวนาให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
       
       นายชุมพลกล่าวว่า เราคือคนไทยด้วยกัน ต้องแลกเปลี่ยนและเจรจากันด้วยเหตุและผล โดยยึดกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทยเป็นหลัก สิ่งใดที่ทำไปแล้วกฎหมายคือตัวตัดสิน เมื่อมีกฎเกณฑ์ที่ใช้ในสังคมร่วมกันทุกฝ่ายยอมรับจะทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย คนไทยในประเทศจะมีความสามัคคีถึงแม้นอาจจะแตกต่างกันไปบ้างในเรื่องความคิด แต่ไม่ขัดแย้งกันจนถึงขั้นแตกแยก
       
       นายชุมพลบอกว่า ความขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกันมันเหมือนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็ง หากยิ่งปล่อยนานไปจะเหมือนกับที่นายศิริวัฒน์ เองก็เห็นว่าอาจจะบานปลายออกไปมากขึ้น ดังนั้น การมีโอกาสมาร่วมกันหารือและค้นหาข้อบกพร่องที่เป็นปัญหาแล้วร่วมกันแก้ไขให้มีทางออก เสมือนร่วมกันค้นหาจุดที่สร้างเนื้อร้ายแล้วตัดออกทำการรักษาเยียวยาให้ดีขึ้นและหายในที่สุด เมื่อต่างฝ่ายก็เป็นห่วงบ้านเมือง มาถึงวันนี้แล้วตนคิดว่าไม่ควรมาทะเลาะกันอีกแล้ว แต่ต้องคิดว่าเจรจากันเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นโดยเร็วในบ้านเมือง
       
       "เวทีการเสวนาที่ได้ร่วมกันพยายามผลักดันนั้น หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นผลดีอย่างมาก โดยเฉพาะในสังคมเมืองพะเยา หรืออาจจะสร้างแรงกระเพื่อมไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งเราคิดว่าที่นี่อาจจะเป็นเวทีแรกของประเทศไทยที่เกิดสิ่งดีๆ แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่อย่างน้อยวันนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเรารู้จักและเรียนรู้กันและกัน มีสิ่งใดที่ต่างฝ่ายทำแล้วต้องการกำลังใจหรือความช่วยเหลือจากอีกกลุ่มก็พร้อมจะช่วยเหลือเช่นกัน" นายชุมพลกล่าว
       
       ด้าน นายศิริวัฒน์กล่าวว่า คนทุกคนต่างก็มีอุดมการณ์ในการเคลื่อนไหว มีอุดมคติในการรักหรือชอบบุคคลใดๆ แต่สำหรับการเมืองภาคประชาชนคนทุกคนล้วนแต่ต้องการประชาธิปไตยเหมือนกัน หากแต่อาจจะต่างไปบ้างในเรื่องของรูปแบบกิจกรรมการเคลื่อนไหว ตนคาดว่าบางครั้งการเคลื่อนไหวในบางกิจกรรมของทั้งสองกลุ่มอาจจะถูกใจผู้เคลื่อนไหว หรือไม่เป็นที่ชอบใจของประชาชน แต่ด้วยวิถีถ้าอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ อาจต้องทำกิจกรรม โดยเฉพาะผู้ประสานงานคือผู้ที่รับหน้าที่อย่างหนักทั้งประสานงาน การเป็นผู้นำในการควบคุมดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นการที่ได้มีโอกาสมาร่วมรู้จักและเปิดใจต่อกันระหว่างตัวแทนของทั้งสองกลุ่ม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เกิดการลดความขัดแย้งและนำไปสู่ความสามัคคีของคนไทยมากขึ้น
       
       ด้าน น.ส.ภัทรา กล่าวว่า หลังจากที่ผู้ประสานงานทั้งสองกลุ่มได้เรียนรู้กันและกันในเบื้องต้น ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของจังหวัดพะเยา และจากการสนทนาทั้งสองกลุ่มต้องการทราบรูปแบบ กติกาและเนื้อหาของเวทีเสวนาที่เปิดให้ตัวแทนทั้งสองกลุ่มได้สนทนากัน โดยทางสถาบันปวงฯ จะนำเนื้อหาที่แลกเปลี่ยนกันในครั้งนี้ไปกำหนดหัวข้อในการเสวนา รวมถึงกติกา และรูปแบบของเวที จากนั้นจะนำโครงร่างการเสวนาทั้งหมดมาให้ตัวแทนทั้งสองกลุ่มได้ศึกษาและตัดสินใจร่วมกันอีกครั้ง โดยได้นัดสนทนากลุ่มย่อยกันอีกครั้งในวันที่ 19 ตุลาคม 2552 ส่วนสถานที่ยังไม่กำหนด



Hotmail: Free, trusted and rich email service. Get it now.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น