เครือข่ายคนไทย”จี้ “ฮุนเซ็น”ขนเขมรออกนอกชายแดนพระวิหารภายใน 7วัน

on วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

 
เรียนพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาและสมัชชาคนจนบนเขื่อนราษีไศลที่นับถือ.
 
             ผมเก็บบทความที่เกี่ยวข้องกับการที่คุณฮุนเซ็น ฯนายกของประเทศกัมภูชามาพูดในประเทศไทยว่า จะรับ น.ช.ทักษิณฯมาอยู่ในประเทศกัมภูชา จะไม่ยอมส่งตัวตามข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน และยังจะแต่งตั้ง น.ช.ทักษิณฯให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจอีกด้วย.
 
             ความรู้สึกของคนไทยผู้รักชาติเป็นอย่างไร? ก็ให้อ่านบทความข้างล่างนี้ได้ครับ และเช่นเดียวกัน ความรู้สึกของนัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคือ นายกษิต ภิรมย์ เป็นอย่างไรก็เชิญอ่านดูได้จากบทความที่ผมได้แนบมาด้วยแล้วครับ.
 
              ด้วยจิตรคารวะ
 
        ประชุม สุริยามาศ. วย.๗๗๗
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เครือข่ายคนไทย"จี้ "ฮุนเซ็น"ขนเขมรออกนอกชายแดนพระวิหารภายใน 7วัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 ตุลาคม 2552 17:15 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น




เครือข่ายประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร เดินทางถึงยัง จ.เพชรบุรี เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ สมเด็จฮุนเซน





คนไทยของขึ้น เตรียมยื่นหนังสือต่อ "ฮุนเซ็น" ที่จ.เพชรบุรี บ่ายวันนี้ นำโดย "วีระ-เทพมนตรี" และครือข่ายประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร เพื่อเรียกร้องให้สั่งถอนทหารและประชาชนออกจากพื้นที่ 4.6ตร.กม.โดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร ภายใน 7 วัน หากไม่มีความเคลื่อนไหว เตรียมม็อบกดดันที่สถานทูตกัมพูชาต่อไป
       

       คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายวีระ สมความคิด แถลง
       
       วันนี้(24 ต.ค.)เมื่อเวลา 9.45น. นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ และนายวีระ สมความคิด ร่วมเสวนาในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงกรณีพิพากพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร 4.6 ตร.กม โดยมีนายปานเทพ พัวพงษ์พัน เป็นผู้ดำเนินรายการ
       
       นายปานเทพ กล่าวว่า เรื่องที่ฮุนเซ็น ฝากบอก พล.อ.ชวลิต ยุงใจยุทธ มา คือ 1 ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เฉพาะเรื่องปราสาทพระวิหาร กัมพูชาไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าของทหารทั้ง 2 ฝ่าย และอยากให้หมดไปโดยรวดเร็ว และทางกัมพูชา เสนอมาหลายครั้ง อยากให้มีการแยกกำลังทหารออกจากกัน และห่างจากกันในที่สุด และเรื่อง 2 คือสิทธิในการค้นหา หรือขุดค้นในเรื่องบ่อน้ำมัน หรือแก๊สในทะเล ซึ่งเราได้ยินมาว่า กัมพูชาได้มอบสิทธิ์ให้กับประเทศอื่นไปแล้ว เช่น บริษัท โทเทล ของฝรั่งเศส หรือกับประเทศจีน ความจริงไม่ใช่เลยในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา เขายังไม่ได้ทำอะไร เขาพยายามเสนอเรื่องนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ของไทย โดยบอกว่า ได้เสนอแล้วให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2 ครั้ง แต่ทำไมเราถึงหายไป เขาอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ในพื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่ของเขา ก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย โดยสรุปเราทราบว่า มีการมอบบ่อนั้นให้คนนั้นคนนี้ ไม่เป็นความจริง นี่เป็นเรื่องอีก 2 เรื่อง ที่พูดกันน้อยในสังคมไทย คือ เรื่องเขตแดนทางบก กับทางทะเล
       
       นายวีระ กล่าวว่า เราจะเสียค่าโง่นะ ถ้าเผื่อเรายอมกัมพูชาให้ถอนทหารออกจากกัน มันจะเข้าเงื่อนไขที่เขาจะเอาไปอ้างกับยูเนสโก ว่า ตอนนี้ไม่มีทหารแหละ เพราะต้องการขึ้นให้ทันวันที่ 1 กุมภา 53 และถามว่า เราต้องถอยทำไมในเมื่อเป็นแผ่นดินไทย เราไปยันกองทัพกัมพูชาที่เข้ามาไปยึดแผ่นดินไทย และเราก็ยันอยู่ ต้องถอยทำไม และเราต้องการไล่เขาออกไปจากแผ่นดินไทยต่างหาก ถ้าถอยออกมา เขาถอยออกไป เขาจะเอาไปอ้างกับยูเนสโกว่า ปลอดภัยแล้ว คือสิ่งที่หมกเม็ดไว้ และ 2 การที่เขาบอกว่า เขายังไม่ได้อนุมัติบ่อน้ำมันให้กับไทย และที่มันเป็นข่าวทั่วโลกละ ว่าฮุน เซน ให้สัมปทานกับ โทเทล ให้กับจีน ให้กับญี่ปุ่น ตกลงข่าวนี้โกหกเหรอ
       
       ด้านนายเทพมนตรี กล่าวว่า 2 ประเด็นที่นายปานเทพ บอก คือเรื่องพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งมันจะมีร่างข้อตกลงกัมพูชาและไทย ซึ่งไปร่างกันที่พนมเปญ วันที่ 6 เมษา 2552 ที่ผ่านมา และก็มี ประธานเจบีซี มักออกมาบอกว่า แผนที่ที่ใช้ในการพิจารณาต้องเป็นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 คือตามแนวเขตระหว่างไทย-กัมพูชา จากบริเวณ จ.อุบลราชธานี ไล่ไปจนถึงตรงตราด ตรงคลองบ้านหาดเล็ก อันนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการใช้แผนที่มาตรา 1 ต่อ 200,000
       
       นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า ต้นฉบับจะใหญ่กว่านี้ประมาณ 2 เท่า แผนที่อันนี้ว่าด้วยเรื่องเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นแผนที่ที่ศาลโลก ขอย้ำว่า ศาลโลกไม่ได้ตัดสินให้แผนที่นี้ถูกต้อง โดยเฉพาะเส้นเขตแดน และจะทำให้เราสูญเสียดินแดนของเราไปหลายล้านไร่ ตลอดแนวตั้งแต่ อุบลฯถึงตราด โดยเฉพาะที่แน่นอน บริเวรปราสาทพระวิหารเสียแน่ 3,000 กว่าไร่ รวมถึงตรงบ้านหาดเล็ก ตรงบอกพี่น้องชาวหาดเล็กว่า เตรียมขายที่ดินได้เลย คือเขาต้องเอาบ้านหาดเล็กไป 3,000 กว่าไร่แน่นอน
       
       นายปานเทพ กล่าวว่า ขออนุญาตเสริมด้วยแผนที่นิดนึง เผอิญมีภาพซึ่งเราเคยออกรายการผมกับคุณวีระมาแล้ว เป็นภาพ 2 ปี เปรียบเทียบสถานการณ์ล่าสุด กับการรุกล้ำ กับการยึดครองพื้นที่ไทย ถ้าผู้ชมดูภาพนี้ นี่คือพื้นที่ตัวปราสาทพระวิหาร และคือพื้นที่เขตสันปันน้ำ ปี 48 ซึ่งคือดินแดนประเทศไทย แนวสันปันน้ำ เพราะฉะนั้น ชัดเจนว่า ตัวปราสาทดินแดนไทย เราไม่เคยยอมรับ เราแพ้คือตัวปราสาทแค่นี้ แต่ไทยก็สงวนสิทธิ์ไว้ ได้พยายามยื่นแผนที่ไป ศาลโลกไม่รับพิจารณากับแผนที่ 1 ต่อ 200,000
       
       ทั้งนี้ นายปานเทพ ได้ชี้แผนที่ให้เห็นพร้อมกับกล่าวว่า ตอนนี้ มีชุมชนอยู่ คือ ปี 48 คือวัดแก้วสิขคีรีสะวารา มีชุมชนอาศัยอยู่ และมีถนน จากฝั่งกัมพูชา นี่คือปี 48 ผมจะให้ดูปี 51 ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะชุมชนตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ไทยแท้ๆ พื้นที่ขาวๆ ยังโล่งๆ ในพื้นที่นี้ยังโล่งๆ ปัจจุบันพื้นที่เปลี่ยน ปี 51 หนาแน่นแล้ว ถนนเป็นคอนกรีตแล้ว หมายถึงเขาสามารถเข้ามาโดยที่ฝั่งไทยไม่ได้กล้าเข้าไป แต่เขาข้ามเข้ามาที่พื้นที่ปราสาทพระวิหาร โดยไม่ต้องผ่านฝั่งไทยแล้ว ฝั่งไทยจะห้ามคนไทยเข้าเท่าไร เขามีนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปได้
       
       อย่างไรก็ตาม นายเทพมนตรี กล่าวว่า เมื่อประมาณ 42-43 ยังมีทหารพรานของเรายังตั้งแคมป์ตรวจการณ์ ตอนนี้ ทหารพรานของเราไปอยู่นู้นหมด มออีแดงหมด
       
       จากนั้นนายเทพมนตรี ได้ยกแผนที่อันหนึ่งขึ้นมา พร้อมกับกล่าวว่า อันนี้ เป็นแผนที่เขมร ซึ่งตนก็บอกว่า เราไม่ควรใช้ต่อไป ควรฉีกแผนที่นี้ทิ้ง เพราะมันเป็นแผนที่ที่ใช้ไม่ได้ และหากคุณวรรธสิน ธีระเวชไชยาน ไปใช้ในการเจรจา ผมจะฟ้องคุณ ถือว่า คุณทรยศต่อชาติ
       
       นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า แผนที่นี้เกิดขึ้นครั้งแรกปี 2543 มีการลงนามในเอ็มโอยู 2543 ระหว่างไทย-กัมพูชา ยอมรับแผนที่ระหว่างที่เกิดขึ้น ปี 2544 รัฐบาลทักษิณ 1 ไปลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา กรณี พื้นที่ทางทะเลทับซ้อน และไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ปี 2546 มีการลงนามในทีโออาร์ ระบุชัดว่า ให้มีการสำรวจและปักปันเขตแดนตามแผนที่ที่อาจารย์ถือ ปี 2550 รัฐบาลสมัครต้องการเอาใจฮุน เซน ให้เลือกตั้งชนะ ก็ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ยกพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ปี 2551 สมาชิกรัฐสภาเกือบทั้งหมด ยกเว้น 7 คน หมายถึงคุณอภิสิทธิ์ด้วย เห็นชอบกับกรอบการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา เห็นชอบตามบัญชีเอกสาร และแผนที่ทั้งหมดที่ว่านี้ เป็นการผ่านสภาครั้งแรก ปี 2552 รัฐบาลอภิสิทธิ์ เตรียมที่จะร่างข้อตกลงชั่วคราวให้ยอมรับเอ็มโอยู ทีโออาร์ และแผนที่ดังกล่าวด้วย
       
       จากนั้นปานเทพ กล่าวว่า ปิดท้ายด้วยแผนที่ซึ่งอาจารย์โบราณคดีท่านหนึ่ง ถ่ายมาให้เราเห็นว่า ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่ว่า และไปยอมอย่างที่เขาบอก ถอนทหารออกจะเกิดอะไรขึ้น พื้นที่ฝั่งไทยเดิมที รอบนอก วัดตามแนวเขตสันปันน้ำ และท่านผู้ชม ส่วนที่เป็นสีแดง คือพื้นที่ที่เราจะสูญเสียตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และที่เห็นติ่งนิดเดียว คือ 4.6 ตารางกิโลเมตรของเขาพระวิหาร แต่จริงๆ แล้ว มันไปหมดแล้ว มากกว่านั้นอีก เริ่มตั้งแต่อุบลฯ หลายจุดต้องสูญเสีย เฉพาะที่ท่านนักโบราณคดีทำมา เฉพาะช่องสะงำถึงช่องบก ทั้ง 2 ที่ กินพื้นที่ทั้งศรีสะเกษและอุบลฯ วัดได้ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณเป็นล้านๆไร่ มหาศาลมาก เพราะฉะนั้น เป็นการกระทบต่อดินแดนไทยโดยตรง ที่เรากำลังพูดตอนนี้ ถ้ายอมรับแผนที่ที่ อ.เทพมนตรี ฉีกทิ้ง คือไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเป็นการรุกล้ำและยึดครอง
       
       นายเทพมนตรี กล่าวว่า เราไม่ได้เสียแค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนะ ถ้าเรายอม มันจะลามไปหมด อย่างไรก็ตาม ศาลโลกไม่เคยยอมรับ ยูเนสโก ก็ให้มรดกโลกส่งเดช เฉพาะที่บอกว่า ขึ้นเฉพาะตัวปราสาท คือรุกล้ำดินแดนไทย และที่สำคัญผมคิดว่า ส.ว. ส.ส. ต้องไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า เรื่องมาตรา 190 ที่คุณนพดล ปัทมะ เคยทำแถลงการณ์ร่วมไว้ และศาลสั่ง ไปอ่านข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อไรที่ข้อตกลงนี้เข้าสภา มันคือข้อขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คุณก็ลองเอาดูซิ ว่า คุณจะยกมือให้เขมร และถ้าเขมรเขาต้องเร่งก่อน 1 กุมภา 2553 เมื่อนั้นเขาขึ้นมรดกโลกไม่ได้ ถ้าเราอยากแก้ลำฮุน เซน ที่พูดไม่ดีตลอดมา ปล่อยให้มรดกโลกมันฟ่อไป และฮุน เซน จะวุ่นวายในบ้านเมืองเขาเอง
       
       ทั้งนี้ นายวีระ ได้เปิดเผยด้วยว่า ในวันนี้ช่วงบ่ายตนเองและนายเทพมนตรี ในฐานะ กลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร จะเดินทางไปที่เพชรบุรี ไปยื่นหนังสือให้กับฮุน เซน ขอให้ฮุน เซน มารับ ที่โรงแรมปึกเตียน เราจะบอกให้ฮุน เซน เอาคนของคุณกลับไปซะภายใน 7 วัน ถ้าครบ 7 วัน เราจะทำเหมือนที่ฮุน เซนทำกับเรา สถานทูตกัมพูชาจะถูกล้อม 7 วันนะ เราเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เดี๋ยวเราจะไปยื่น
       
       นายเทพมนตรี กล่าวเสริมว่า ประมาณวันที่ 2 พ.ย.52 เราจะทำการล้อม หากไม่ถอนทหารกำลังทหาร และประชาชนชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องน้ำมัน และที่ อ.ปานเทพ ว่า ตอนนี้แอบขุดอยู่ เรามีหลักฐาน และพื้นที่ทางทะเล เราเองให้สัมปทานโทเทลไปเหมือนกัน พื้นที่ที่มีปัญหา และปิดข่าว ปรากฏว่า โทเทลที่ฝรั่งเศส ไม่ปิดข่าว ไปดูเว็บไซต์ได้ เขาทำสัญญาไปเมื่อต้นปีนี้เองกับประเทศไทย
       
       นายวีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า เราคงต้องทำอย่างเต็มที่ในฐานะคนไทย ที่ต้องมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 71 ที่บอกว่า บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ และรักษาผลประโยชน์ของชาติ เราคงจะไม่ทำเหมือนรัฐบาลที่เล่นละคร ทำเป็นขึงขังเวลาฮุน เซน ด่าถึงในบ้าน นายกฯก็บอกว่า คุณเข้าใจผิดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอตกเย็น คุณยังยิ้มร่า จับมือเลี้ยงข้าวเขาอีก คนไทยไม่สนใจเลยนะ จิตใจคนไทยตอนนี้ถูกย่ำยี จากฮุน เซน มาก และรัฐบาลยังไม่ทำอะไรที่คนไทยอยากเห็น พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังไม่ผลักดันกัมพูชาออกไป และยังปล่อยให้ฮุน เซน มาด่าเราถึงในบ้าน
       
       นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตระกูลเวชชาชีวะ เป็นตระกูลที่ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอันดับที่ 4,881 เป็นต้นตระกูลที่ได้รับนามสกุลพระราชทาน และควรสำเนียกว่า การที่ฮุน เซน มาทำแบบนี้กับเรา ต้องแสดงถึงความเป็นไทย อย่าให้ในหลวง รัชกาลที่ 6 ให้นามสกุลฟรีๆ เพราะในหลวงรัชกาลที่ 6 เป็นแบบอย่างรักชาติ สร้างชาติ
       
       ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. นายวีระ และนายเทพมนตรี พร้อมด้วยและเครือข่ายประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหาร ได้เดินทางถึงยังโรงแรมปึกเตียน จ. เพชรบุรี แล้วพร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องดังกล่าวต่อสมเด็จฮุนเซ็น โดยมีตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าวไว้ พร้อมกันนี้นายเทพมนตรี ได้กล่าวปราศรัยเรียกร้องให้ทางกัมพูชา ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในหนังสือโดยเร็ว และทำการฉีกแผนที่ ซึ่งมีการขีดเส้นเขตแดนล้ำเข้ามายังพื้นที่ของไทยต่อหน้าสื่อมวลชนเพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงว่า ทางเครือข่ายชาวไทยไม่ยอมรับแผนที่ดังกล่าว

 
 
 
 
 
"กษิต" ฮึ่ม "แม้ว" ต้องเข้าคุกก่อนไปอยู่ซุกบ้าน "ฮุนเซน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 ตุลาคม 2552 19:42 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ

ความคิดเห็นที่ 55 +3 คลิกที่นี่หากท่านสนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านไม่สนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านต้องการตอบกลับความคิดเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านเห็นว่าความคิดเห็นนี้ขัดต่อกฎ กติกา มารยาท
ASEAN Comprehensive Investment Agreement หรือ ACIA เป็นความตกลงด้านการลงทุนอาเซียนเต็มรูปแบบ อันเกิดจากการรวมความตกลงเขตการลงทุนอาเซียน (AIA) กับความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนของอาเซียน (ASEAN IGA)

แล้วคุณสมบัติของ ACIA ซึ่งถือเป็นความตกลงเต็มรูปแบบนั้นเป็นอย่างไร?
เดิมที ความตกลงเต็มรูปแบบนี้มีการลงนามไปแล้วเมื่อครั้งประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 14 ที่หัวหินเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ข้อตกลงดังกล่าว ยินยอมให้นักลงทุนในชาติอาเซียน และมีความต้องการเข้ามาทำการลงทุนเพิ่มเติมในชาติสมาชิก จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนเช่นเดียวกับคนในชาติ มีสิทธิในการลงทุนกิจการสาขาต่างๆ ได้เช่นเดียวกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ

อย่างไรก็ดี ความตกลงที่ว่านี้ยังมีข้อยกเว้น คือรัฐบาลไทยไม่ยอมให้มีการลงทุนในสาขาที่สงวนไว้เฉพาะคนในชาติ ซึ่งก็คือ การลงทุนด้านกสิกรรม

ทว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีข้อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ว่า ขอให้ยกเลิกข้อสงวนของประเทศไทย 3 รายการ ได้แก่ การทำประมง เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ , การทำป่าไม้จากป่าปลูก รวมถึงการเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช ด้วยเหตุผลว่าเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาทำการลงทุนได้ โดยอ้างว่าการยกเลิกข้อสงวนดังกล่าวถือเป็น 'พันธกรณี' ที่ชาติสมาชิกอาเซียนล้วนต้องยกเลิกโดยไม่มีเงื่อนไข ภายในปี พ.ศ. 2553

เป็นคำอ้างที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับ ข้าราชการผู้เกาะติดความตกลงดังกล่าว ซึ่งบอกกับเราว่า

"นั่นเป็นแค่ข้ออ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยเผยแพร่ข้อสงวนดังกล่าวทั้งของไทยหรือสมาชิกอาเซียนให้ประชาชนชาวไทยรับรู้หรือไม่? มีสมาชิกอาเซียนใดที่ทำการยกเลิกข้อสงวนดังกล่าว ชาวไทยต้องการคงไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ เป็นสมบัติของชาติ ที่บรรพบุรุษได้สร้างและมอบให้เรา แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ครั้งนี้กลับยกเลิกข้อสงวนดังกล่าว ที่เป็นมรดกของชาติ" อยากเรียนถามว่า "ท่านมีวุฒิภาวะแค่นี้หรือ" ???

เป็นข้อมูลอีกด้านที่สอดคล้องกับรายงานของกลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน หรือ FTA Watch ที่ติดตาม และตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของข้อตกลงดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

โดยรายงานของ FTA Watch โต้แย้งว่า ข้อผูกมัดหรือพันธกรณีในการยกเลิกข้อสงวนของชาติสมาชิกนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการจะยินยอมยกเลิกข้อสงวนด้านการลงทุนหรือไม่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับการเจรจา ดังที่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามก็ยังไม่ยอมยกเลิกข้อสงวนหลายรายการ

ทั้งนี้ FTA Watch ร่วมด้วยกลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืน เครือข่ายชาวนา และองค์กรภาคประชาชนอีกไม่น้อย ตั้งข้อสังเกตว่า อาชีพทั้ง 3 ประเภท ซึ่งถือเป็นข้อสงวนชั่วคราวที่ยกเลิกได้ตามข้อตกลงนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจและกล้าหาญมากพอ ก็สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนดังกล่าวให้เป็นการลงทุนในประเด็น 'อ่อนไหว' ได้ ดังเช่นที่เคยบัญญัติให้ข้าวไทยจัดอยู่ในประเภทดังกล่าวมาแล้ว

"เป็นเรื่องยากมากที่จะยับยั้งการลงนามครั้งนี้ เท่าที่ทราบจะมีการลงนามกันในเดือนตุลาคมนี้ คงยับยั้งไม่ทันและยับยั้งไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้ประชาชน และทุกๆ ภาคส่วนในสังคมร่วมกันเรียกร้อง และติดตามข้อตกลงนี้ เพราะจะเกิดผลกระทบมหาศาลกับคนไทยทั้งประเทศ เพราะข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางให้ต่างชาติเข้ามาควบกลืนกสิกรรมของไทย การยกเลิกข้อสงวนซึ่งยอมให้เข้ามาเพาะพันธุ์สัตว์น้ำได้นั้นจะเป็นแค่เรื่องบังหน้า เพราะจริงๆ แล้วต่างชาติต้องการขยายอาณาเขตน่านน้ำ เรื่องนี้อันตรายมาก ใครๆ ก็รู้ว่าอาณาเขตตน่านน้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่รัฐไทยก็ยอมให้ต่างชาติมาลงทุนได้

"การลงทุนทำป่าปลูก ก็จะทำลายความอุดมสมบูรณ์ของป่าในเมืองไทย เพราะต่างชาติเขาเข้ามาลงทุนเพื่อทดลอง เพื่อกว้านซื้อที่สำหรับปลูกพืชพลังงานทางเลือก เช่น 'ละหุ่ง' ในอนาคตป่าไม้ของประเทศไทยก็จะหมดไป กลายเป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชเชื้อเพลิง กลายเป็นที่ปลูกน้ำมัน

"ส่วนการยินยอมให้เพาะพันธุ์พืช เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพันธุ์ข้าวของเราจะไม่ถูกต่างชาติขโมย แน่ใจหรือ จะยับยั้งเทคโนโลยีปัจจุบันที่ต่างชาติมีเหนือกว่าเราในการดัดแปลงพันธุ์ข้าวหอมมะลิของไทย

ตอนนี้นักลงทุนต่างชาติก็มากว้านซื้อที่สำหรับการทดลองพันธุ์พืชกันแล้ว"
เป็นการ 'กลืนกิน' ประเทศในคราบของ 'เสรีการลงทุน' เช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยอย่างเดียวกับที่กลุ่ม FTA Watch แถลงไว้ ว่า การยกเลิกข้อสงวนในการเปิดเสรีการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามความตกลงในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดเสรีการค้า ที่จะเริ่มขึ้นในปี 2553 นั้น

คำถามสำคัญก็คือเหตุใด? จึงไม่มีการทำประชามติ ไม่มีการรับฟังความเห็นของประชาชนเจ้าของประเทศ ทั้งที่ข้อตกลงนี้จะนำมาซึ่งผลกระทบและความเสียหายใหญ่หลวงต่อภาคเกษตร ประมง และป่าไม้ของไทย

ว่าไปแล้ว ข้อกังขาที่ว่านั้นคงมีคำอธิบายง่ายๆ นั่นก็คือ ผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และมีสิทธิ์ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการลงทุนสมคบคิดข้ามชาตินี้ ไม่ใช่ประชาชนคนเดินดิน
มหกรรมขายชาติขายแผ่นดินของพรรคประชาธิปัตย์
ความคิดเห็นที่ 54 +1 คลิกที่นี่หากท่านสนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านไม่สนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านต้องการตอบกลับความคิดเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านเห็นว่าความคิดเห็นนี้ขัดต่อกฎ กติกา มารยาท
อย่าพูดสามวา 2 ศอก เหม็นขี้ฟัน
khondee
ความคิดเห็นที่ 53 คลิกที่นี่หากท่านสนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านไม่สนับสนุนความเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านต้องการตอบกลับความคิดเห็นนี้ คลิกที่นี่หากท่านเห็นว่าความคิดเห็นนี้ขัดต่อกฎ กติกา มารยาท
อย่าดีแต่พูดเลยไอ้กษิต ลงมือทำอะไรซะบ้างเถ่อะ
ตอนพูดบนเวทีพันธมิตรก็เห็นเก่งนัก จะทำอย่างโน้นอย่างนี้
พอมีตำแหน่ง รมต. ไม่เห็นทำเฮี่ยอะไร ปากยังเห่าเหมือนเดิม
cu2nite สมาชิก



Windows 7: It works the way you want. Learn more.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น